สมัยก่อนหากคุณเรียนเกี่ยวกับวิชาการทำธุรกิจมา คุณคงคุ้นเคยกับคำว่า B2B (Business to Business) หรือ B2C (Business to Consumer) แต่วันนี้คุณต้องรู้จักกับคำว่า O2O (โอทูโอ หรือ Online to Offline) ที่จะเป็นกลยุทธ์และรูปแบบการทำธุรกิจรูปแบบใหม่ ที่จะเป็นการผสานนำเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตเข้ากับธุรกิจที่มีหน้าร้านค้าต่างๆ เข้าด้วยกัน โดยจะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในวงการธุรกิจปัจจุบัน มาดูกันว่าคืออะไร?

O2O (โอทูโอ) หรือ "การผสานธุรกิจจากออนไลน์ไปออฟไลน์ (Online to Offline)" เป็นการใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีอินเทอรืเน็ต ที่สามารถเชื่อมโยงคนจำนวนมากเข้าด้วยกัน และ เทคโนโลยีของโซเชียลเน็ตเวิรก์ (Social Network) ทำให้คนสามารถสื่อสารกับเพื่อนๆ และคนรอบข้างของตัวเองได้ง่ายมากขึ้น มันได้สร้างรูปแบบการปฏิสัมพันธ์ (Engagement) รูปแบบใหม่ ที่ทำให้เกิดการโน้มน้าว ชักชวน คนจำนวนมากได้ง่ายๆ ผ่านบริการอย่าง Facebook หรือ Twitter รวมถึงการเกิดโมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่อย่าง "การค้าทางสังคม (Social Commerce)" ทีมีรูปแบบโมเดลทางธุรกิจอย่าง "ร่วมกันซื้อ (Group Buying)"

 
ตัวอย่างๆ เว็บไซต์  Groupon.com เว็บไซต์ที่มีส่วนลดร้านค้าต่างๆ ในราคาพิเศษ ที่กระตุ้นให้คนที่ซื้อส่วนลดนี้ ชักชวน หรือบอกต่อเพื่อนๆ ผ่านทางโซเชี่ยลเน็ตเวิรก์ เพื่อให้ได้ส่วนลดและราคาพิเศษ โดยโมเดลธุรกิจแบบนี้ทำให้ร้านอาหารหรือร้านค้าบางร้านสามารถได้ลูกค้านับพันๆ คนเพียงใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง ทำให้ร้านค้าต่าง พอใจในการนำธุรกิจไปโปรโมทผ่านเว็บไซต์ Groupon และทาง Groupon เองก็ได้ส่วนแบ่งรายได้ เป็นจำนวนที่สูงมากเลยทีเดียว 
 
และด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันของโทรศัพท์มือถือ ทำให้เราสามารถเชื่อมโยงอินเทอร์เน็ตได้และยังสามารถระบุตำแหน่งของผู้ใช้ (Location) โดยสามารถรู้ได้จาก ตำแหน่งของเสาโทรศัพท์ (Cell Sites ) ที่ใช้อยู่ตอนนั้น หรือเทคโนโลยีระบุตำแหน่งจากดาวเทียม GPS ก็จะทำให้เราสามารถรู้ตำแหน่งของคนๆ นั้นได้ ซึ่งสามารถทำให้เราสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างแม่นยำทำให้เกิดรูปแบบในการสื่อสารที่ความหลากหลายและสร้างสรรค์มากขึ้น
 
 
ตัวอย่างเช่น แอ็พพลิเคชั่นชื่อดังอย่าง FourSquare.com ที่เปิดโอกาสให้คนสามารถระบุตำแหน่งตัวเองว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน หรืออยู่ที่ร้านค้าไหน ผ่านการ "เช็กอิน" ผ่านแอ็พตัวนี้ผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยทุกครั้งที่ "เช็กอิน" ก็มีโอกาสได้ส่วนลดพิเศษ จากร้านค้าที่ได้สร้างตัวตนอยู่ในบริการของ Foursquare และยังเป็นการบอกต่อออกไปยังเพื่อนๆ ของคนที่เช็กอินอย่าง Facebook หรือ Twitter ได้อีกด้วย 
 
 
ปัจจุบันแอ็พพลิเคชั่นประเภทที่มีการนำตำแหน่งของคนใช้ ไปใช้ร่วมกับข้อมูลของร้านค้า และแผนที่ เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างในเมืองไทยก็มีเว็บไซต์ของ http://www.Where.in.th หรือ www.Wongnai.com ที่ให้บริการลักษณะนี้เช่นเดียวกัน 
 
 
ทั้งหมดที่แนะนำมาคือต้วอย่างโมเดลธุรกิจของ O2O และหากพูดสรุปง่ายๆ คือ O2O คือ "การใช้ความสามารถของสื่อออนไลน์กระตุ้นให้เกิดความต้องการ (Demand) และไปเพิ่มโอกาสทางธุรกิจของธุรกิจที่มีหน้าร้านค้าในโลกออฟไลน์"  และในแง่ของเทคโนโลยี O2O คือการ ผสมผสานของเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต + โซเซียลเน็ตเวิรก์ + โทรศัพท์มือถือ + การค้าหน้าร้านค้า เข้าด้วยกันกันอย่างลงตัว
 
หากท่านมีธุรกิจที่มีหน้าร้านค้า การนำกลยุทธ์ O2O มาเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจดูจะเป็นแนวทางที่น่าสนใจ และสามารถเพิ่มลูกค้าและยอดขายได้อย่างรวดเร็วเลยทีเดียว แต่คุณเองก็ต้องรู้จักเรียนรู้  และนำเทคโนโลยีด้านออนไลน์ อย่าง Facebook, twitter, Google Map, Foursquare.com เข้ามาใช้ผสมผสานและต่อยอดกับธุรกิจหน้าร้านค้าของท่านให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่วิธีการเริ่มต้นง่ายๆ คือคุณต้องใช้เทคโนโลยี เหล่านี้ให้เป็นก่อนครับ เพราะหากคุณใช้ไม่เป็นแล้ว คุณจะนำไปต่อยอดกับธุรกิจคุณได้อย่างไรละครับ?
 
 
 
 
ปล. หากใครเรียนวิชา E-Commerce มา คุณคงคุ้นเคยกับคำว่า "Click & Mortar" หรือ "Click & Click" ซึ่งส่วนตัวผมดูแล้ว Click & Mortar ก็จะมีความคล้ายคลึงกับ O2O มากแต่จะมี เทคโนโลยีที่สามารถระบุตำแหน่ง (Location) เข้าไปเสริมทำให้ O2O มีความสามารถและแม่นยำกว่า