ในโลกของการตลาดออนไลน์ และโซเชี่ยลมีเดียหมุนเร็วมากมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกๆวัน บางเทคโนโลยีที่เกิดใหม่อาจจะเปลี่ยนพฤติกรรมคนไทยไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจจะทำให้กลยุทธ์และการตลาดแบบดั่งเดิมไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป เรามาดูเทรนด์ของโซเชี่ยลมีเดียที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยในปี 2013 ว่าจะมีอะไรบ้าง และคุณจะเตรียมรับมือกับสิ่งเหล่านี้อย่างไรผมมีคำแนะนำในแต่ละข้อให้คุณด้วยล่ะ
  1. คนไทยจะใช้ Social Network ผ่านทางมือถือและอุปกรณ์พกพากันมากขึ้น (Mobile Social Network) คนจะเริ่มใช้ Social Network ผ่านทางคอมพิวเตอร์หรือโน็ตบุ๊กน้อยลง เพราะไลฟ์สไตล์ของการใช้งานอินเทอร์เน็ตของคนไทยกำลังเปลี่ยนไป กลุ่มผู้ใหญ่ อายุ 45 ขึ้นไปจะเริ่มใช้ Social Network มากขึ้นผ่านแท็ปเล็ต เพราะหน้าจอขนาดใหญ่ และใช้งานง่ายกว่าคอมพิวเตอร์มาก รวมถึงการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านทาง 3G จะได้รับความนิยมมากขึ้นไปทั่วประเทศ ทำให้มือถือและอุปกรณ์พกพากลายเป็นช่องทางหลักของหลายๆ คนในการเข้าสู่ Social Network
    คำแนะนำ
     : 
    เตรียมกลยุทธ์การสื่อสารผ่านทางมือถือ


  2. การแข่งขันของบริการโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก (Social Network Competition) การใช้งาน Facebook และ Twitter ของคนไทยจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกันทาง Google Plus  บริการ Social Network จาก Google ก็เริ่มขยายบริการของตัวเองเข้าสู่บริการต่างๆ ของ Google ที่มีคนใช้เป็นจำนวนมากอยู่แล้วเพิ่มมากขึ้น เช่น Gmail, Youtube และการเปิดตัวบริการใหม่ๆ อย่าง Google Hangout บริการประชุมทางออนไลน์และ Google Plus Event บริการวางแผนกิจกรรมออนไลน์ ก็เป็นบริการที่จะดึงคนให้หันมาใช้ Google Plus มากขึ้น คงต้องมารอดูว่าในปีหน้าทาง Google Plus จะมีบริการอะไรใหม่ๆ ออกมาที่จะกระตุ้นให้คนกลับมาใช้ กันมากขึ้นได้หรือไม่? และเป็นปีที่ต้องจับตามอง Yahoo ภายใต้การนำของ CEO หญิงคนใหม่ Melissa Mayer ศิษย์เก่าของ Google ที่ข้ามห้วยมาปลุกผี Yahoo ให้ตื่นขึ้นมาใหม่ แน่นอน Social Network จะเป็นช่องทางหลักที่ Yahoo คงจะมีบริการอะไรใหม่ๆ ออกมาเร็วๆ นี้แน่นอน
    คำแนะนำ : เริ่มดูบริการโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กตัวอื่นๆ นอกเหนือจาก Facebook
  3. เกิดการหล่อหลอมของบริการของ Social Media (Social Media Integration) คนไทยจะเริ่มใช้ Social Media หลายบริการมากขึ้น ดังนั้นการหล่อหลอมและการนำบริการหลายๆ ตัวมาใช้ร่วมกันจะทำให้ประสิทธิภาพของการสื่อสารเพิ่มมากขึ้น เช่น หลายคนใช้ Facebook พร้อมๆ กับ Instagram และบางส่วนก็ใช้ Foursquare ทำให้การใช้ Social Media เพียงตัวเดียวในการสื่อสารอาจจะไม่เพียงพอ และเช่นเดียวกัน ต้องคิดถึงความต่อเนื่องของการสื่อสารออกไปยัง Social Media ตัวอื่นๆ ด้วย ซึ่งรวมถึงช่องทางที่ทางคอมพิวเตอร์อย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพออีกต่อไป มือถือจะเป็นช่องทางที่เราพลาดไม่ได้เลยทีเดียว
    คำแนะนำ
     : 
    สร้างกิจกรรมการตลาดในโซเชี่ยลมีเดียแบบบผสมผสาน
  4. โซเชี่ยลเน็ตเวิร์กในทีวี (Social TV) อุปกรณ์ต่อกับทีวีีหรือ Internet Set Top Box จะเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นโดยเฉพาะ Android จะเริ่มรุกเข้าสู่ตลาดนี้มากขึ้น และรวมถึงการมาของ Smart TV ทีวีที่หล่อหลอมอินเทอร์เน็ตเข้าไปอยู่ร่วมกัน ทีวีในปีหน้าจะเริ่มมีความสามารถในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและ Social Network ได้เป็นพื้นฐาน รายการทีวีและสื่อต่างๆ จะเริ่มมีแฮชแท็ก (#Hash Tag) ของตัวเองเพื่อใช้ในการสื่อสารผ่าน Social Media กันมากขึ้น รวมถึงคนจะดูทีวีผ่านทาง Youtube กันมากขึ้นอย่างมาก จนทำให้วงการโฆษณาไทยต้องเริ่มหันมามองการลงโฆษณาในโลกออนไลน์มากขึ้น
    คำแนะนำ
     : 
    หากมีโอกาสลองหา Social TV มาใช้ซะ จะได้รู้ว่ามันเป็นอย่างไร


  5. การค้นหาข้อมูลในโซเชี่ยลมีเดียเพิ่มมากขึ้น (Social Search) คนไทยจะเริ่มค้นหาข้อมูลผ่านทางโซเชี่ยลมีเดียกันมากขึ้น เพราะจะได้ข้อมูลที่แตกต่างออกไปจาก Google เพราะจะเป็นข้อมูลที่เฉพาะทาง เร็วกว่า (Real Time) และน่าเชื่อถือมากกว่า (Trusted) ปีหน้าผู้ให้บริการโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กต่างๆ จะเริ่มหันมารุกหนักการเปิดให้ค้นหาข้อมูล (Search) กันมากขึ้น และเริ่มมีความเป็นท้องถิ่นมากขึ้น
    คำแนะนำ : ลองค้นหาแบรนด์หรือสินค้าของคุณในโซเชี่ยลมีเดีย และดูผลลัพย์ ปรับแต่งมันและทำให้มันออกมาดูดี
  6. โฆษณาผ่าน Social Media จะเพิ่มมากขึ้น ฉลาดขึ้น (Social Media Advertising) เมื่อคนใช้ Social Network เพิ่มมากขึ้น การโฆษณาผ่านช่องทางนี้ก็จะเพ่ิมมากขึ้น และจะ “ฉลาด” มากขึ้น โดยเราจะสามารถระบุกลุ่มเป้าหมายที่รับสื่อโฆษณาได้ชัดเจนมากขึ้น (Targeted) เช่น การระบุตำแหน่งของคนที่จะเห็นโฆษณาด้วยการเช็กตำแหน่ง (Location) ของคน ณ.ขณะนั้น รวมถึงพื้นที่ (Space) และรูปแบบ (Type) ของโฆษณาจะมีรูปแบบที่พัฒนาที่แตกต่างกันออกไป ที่เริ่มเห็นได้ชัด คือรูปแบบการลงโฆษณาของ Facebook ในมือถือจะได้รับความนิยมมากขึ้น
    คำแนะนำ : วางแผนสื่อโฆษณาในโซเชี่ยลมีเดียให้ฉลาดมากขึ้น และลงลึกถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายและมากขึ้น
  7. กลยุทธ์และเทคนิคการใช้ Social Media จะมีชั้นเชิงมากขึ้น (Advance Social Media Tactic) จะเริ่มเห็นเทคนิคและกลยุทธ์ใหม่ๆ ของแบรนด์และธุรกิจผ่านทาง Social Media มากขึ้น วิธีการเดิมๆ เสี่ยวๆ อย่างแข่งกันกดไลค์ หรือโหวตนู้นๆ นี้จะถูกใช้น้อยลง (แต่ก็ใช่ว่าจะหมดไป) กลยุทธ์และวิธีการที่แตกต่างกันออกไป จะเริ่มมีให้เห็นกันมากขึ้น เช่นการสร้างแอพขึ้น หรือกิจกรรมพิเศษขึ้นมาโดยเฉพาะ สำหรับการสื่อสารและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในรูปแบบวิธีใหม่ๆ
    คำแนะนำ : เลิกเสียทีกับการแข่งกันให้กดไลค์ ไปทำอย่างอื่นที่เจ๋งกว่าเหอะ
  8. การค้าผ่านโซเชี่ยลมีเดียยังคงเติบโต (Social Commerce) การค้าผ่านทางโซเชี่ยลมีเดียจะเริ่มมีการขึ้นและซับซ้อนมากขึ้นกว่าจากเดิม ที่อาจจะเป็นเพียงแค่การโพสต์ลงประกาศไปในโซเชี่ยลมีเดียธรรมดาๆ จะเริ่มมีระบบ (Platform) เข้ามารองรับมากขึ้น การค้าจะเริ่มจริงจังมากขึ้น รวมถึงการผู้ให้บริการขายดีลส่วนลดพิเศษ (Daily Deal) ภายในไทยที่เมื่อปีก่อนมีมากกว่า 50 แห่ง ในปีหน้าจะมีผู้ให้บริการที่สร้างกำไรและสามารถอยู่รอดได้ไม่ถึง 5 แห่ง
    คำแนะนำ
     : 
    วางแผนและกลยุทธ์การขายสินค้าผ่านช่องทางโซเชี่ยลมีเดียดู มันได้ผลนะ
  9. บริการและช่วยเหลือลูกค้าผ่านทางโซเชี่ยลมีเดียจะเพิ่มมากขึ้น (Social CRM) คนไทยจะเริ่มเปลี่ยนช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับแบรนด์และ บริษัทจากช่องทางเดิมๆ (โทรศัพท์ จดหมาย) มาใช้โซเชี่ยลมีเดียมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าเดียวนี้พอหลายคนมีปัญหาอะไรในการใช้งานสินค้าหรือบริการ มักจะเข้าไปสอบถามและติดต่อทางโซเชี่ยลมีเดียกันมากขึ่น เช่นมีการสอบถามผ่านไปยัง Facebook และ Twitter ของแบรนด์สินค้าต่างๆ กันมากขึ้น และลูกค้าเดียวนี้จะรู้สึกว่าเค้าจะมีอำนาจมากเมื่ออยู่ในโลกออนไลน์ การถูกด่าทางสื่อออนไลน์จะสร้างความเสียหายให้กับแบรนด์และบริษัทได้ผลกระทบในวงกว้างและสามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
    คำแนะนำ
     : 
    วางแผนและการเตรียมรองรับลูกค้าผ่านช่องทางนี้ไว้ให้ดี ทั้งในด้านกลยุทธ์ และทีมงานให้พร้อม เพราะตอนนี้ลูกค้าคุณจะเริ่มเกเรและบ้าอำนาจมากขึ้นแล้ว
  10. ฟังและติดตามลูกค้าพูดถึงคุณอย่างไรในโซเชี่ยลมีเดีย (Social Media Monitoring) เมื่อแบรนด์และธุรกิจเริ่มเข้ามาใช้ Social Media มากขึ้นในการสื่อสารและเข้าถึงกลุ่มลูกค้า การใช้เครื่องมือในการตรวจสอบ ติดตาม (listening & monitoring) ว่าคนส่วนใหญ่พูดถึงสินค้าหรือบริการที่ใช้ไปแล้วเป็นอย่างไรบ้าง? ด่าหรือชม หรือมีการพูดถึงและบอกต่อ มากน้อยขนาดไหน? รวมถึงแคมเปญต่างๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมาในโลก Social Media จะเริ่มมีการวัดผลที่ชัดเจนมากขึ้น ลงลึกมากขึ้น เป้าหมาย (Goal & KPI) จะถูกกำหนดให้มีความซ้บซ้อนมากขึ้น โดยจะเริ่มมีการใช้เครื่องมือ (Tools) ต่างๆ ในการวัดผล ติดตาม การทำการตลาดผ่านทาง Social Media กันมากขึ้น เช่น ZocialEye.com
    คำแนะนำ
     : 
    ใช้ซะเพราะมันจะช่วยลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อมีคนด่าคุณในโลกออนไลน์
     
อ่านมาถึงตรงนี้ ผมหวังว่าคุณเองคงได้ไอเดียไปไม่มากก็น้อย การที่คุณรู้เทรนด์เหล่านี้ก่อน และปรับตัวเพื่อเตรียมรับมือกับสิ่งจะเกิดขึ้น จะสร้างความได้เปรียบให้กับธุรกิจของคุณเหนือคู่แข่ง และยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของคุณธุรกิจคุณให้เพิ่มมากขึ้นในช่องทางใหม่ ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก โดยตอนนี้ในโซเชี่ยลมีเดียมีคนไทยมากกว่า 18 ล้านคนอยู่ในนี้ และคนทั่วโลกกว่าพันล้านพร้อมแล้ว เริ่มและลงมือซะ อย่าให้คู่แข่งคุณเริ่มไปก่อนล่ะ มีอะไรก็มาปรึกษากันได้นะครับ www.facebook.com/pawoot