เมื่อก่อนเราแทบไม่จะรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเราเท่าไร อยากจะรู้อะไรที ก็ต้องมานั่งนึกเอาว่า เราทำอะไรไปแล้ว ทานอะไรไปแล้วบ้าง แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีรอบตัวเรากำลังพัฒนาก้าวเข้าไปอีกขั้นนึง ที่จะสามารถเก็บข้อมูลเกี่ยวกับตัวคุณอย่างอัตโนมัติ เช่นการเดิน การนอน การใช้ชีวิต การใช้เงิน การทานอาหาร แล้วนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์ให้คุณสามารถมองเห็นพฤติกรรมตัวเองได้ และสามารถปรับปรุงวางเป้าหมายในการใช้ชีวิตให้ดีขึ้นได้ เราเรียก “การ บันทึกข้อมูลตัวเอง (LifeLog)” สนใจแล้วล่ะสิ เดียววันนี้ผมจะมาแนะนำเรื่องนี้กันครับ

อุปกรณ์สวมใส่ (Wearable Device)

ด้วยความสามารถของเทคโนโลยีที่อยู่รอบๆ ตัวอย่างไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ (Mobile Device) หรือการก้าวเข้ามาของอุปกรณ์ที่สามารถสวมใส่ได้ (Wearable Device) ทำให้เราสามารถเก็บข้อมูลต่างๆ ตัวอย่างที่ผมใช้ปัจจุบัน ผมใช้อุปกรณ์ที่ใส่ข้อมือของ Fitbit ที่สามารถบันทึกข้อมูลชีวิตประจำวันของผมได้ทั้งหมดเช่น จำนวนก้าวการเดิน (Steps Taken), การเผาพลาญพลังงาน (Calories Burned), นอนไปกี่ชั่วโมง, น้ำหนักขึ้นหรือลง ฯลฯ ซึ่งตอนนี้มีอุปกรณ์แบบนี้หลายตัวมากเช่นของ Nike FuelBand, Jawbone เป็นต้น ลองไปหามาใส่ดูนะครับ แต่ราคามันก็หลายพันอยู่เลยทีเดียว แต่หากไม่อยากเสียเงินมากๆ ลองหันไปใช้แอพลงในมือถือคุณแทนก็ได้ครับ

อุปกรณ์ต่างๆ ที่สามารถวัดข้อมูลจากข้อมือคุณได้
อุปกรณ์ต่างๆ ที่สามารถวัดข้อมูลจากข้อมือคุณได้

แอพที่สามารถติดตามพฤติกรรมเราได้ (Application)
ตอนนี้มีแอพ (Application) หรือบริการออนไลน์ต่างๆ ที่ทำให้คุณสามารถบันทึกพฤติกรรมอย่างที่ผมเกริ่นมาข้างต้นแล้ว มันยังสามารถติดตามได้หลากหลาย แต่บางแอพคุณอาจจะต้องกรอกข้อมูลเข้าไปเอง ลองไปค้นหาดูจากชื่อแอพที่ผมแนะนำครับ เช่น

  • ติดตามพฤติกรรมของเราในแต่ละวัน การเดิน ไปไหนมาไหนบ้าง แนะนำแอพ Moves
  • แอพติดตามอาหารที่คุณทานเข้าไป ว่ามีกี่แคลเลอรี่, การออกกำลังกาย MyFitnessPal (อ่านวิธีการใช้ http://www.pawoot.com/control-your-weight-with-mobile-device)
  • เก็บข้อมูลการออกกำลังกาย ขี่จักรยาน  Endomondo
  • ติดตามการมาของเมนส์ในแต่ละเดือน (สำหรับผู้หญิงและผู้ชาย) Period Calendar/Tracker
  • บันทึกการใช้เงินในแต่ละวัน ผมแนะนำแอพ Home Budget

ส่วนใหญ่แอพทั้งหมดที่ผมแนะนำเป็นแอพที่ผมใช้เองอยู่เป็นประจำทุกๆ วันครับ

ข้อมูลพฤติกรรมของเราในแต่ละวัน แสดงออกมาเป็น Dash Board ให้ดูได้ง่ายๆ (อันนี้ของ Fitbit)
ข้อมูลพฤติกรรมของเราในแต่ละวัน แสดงออกมาเป็น Dash Board ให้ดูได้ง่ายๆ (อันนี้ของ Fitbit)

เหมาะกับใคร และใครควรนำไปใช้?

  • คนที่ห่วงสุขภาพ คนป่วย การที่เราเก็บข้อมูลและรู้ข้อมูลต่างๆ ของตัวเอง ทำให้เราสามารถวิเคราะห์ และวางแผนการใช้ขีวิตเราได้ดียิ่งขึ้น เช่น เราสามารถรู้ได้ว่าแต่ละวันเรากินอาหารเข้าไปกี่แคลเลอรี่ และเราเผาพลาญไปเท่าไร ทำให้เรารู้ว่ามันเหลือเท่าไรในร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุของการทำให้อ้วน ดังนั้นเมื่อเรารู้ เราก็สามารถหาทางเผาพลาญพลังงานให้มากขึ้น อาจะเป็นการเดิน หรือออกำลังกาย ดังนั้นการรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ จึงเหมาะกับคนทั่วๆ ไป, ผู้ป่วยที่ต้องการติดตามการทานอาหาร เช่น โรงเบาหวาน โรคไต เป็นต้น
  • คนต้องการวางแผนการใช้เงิน หลายๆครั้งเรามักจะใช้เงินโดยที่ไม่รู้ตัวว่าแต่ละเดือนเราใช้ไปเท่าไร และใช้กับอะไรไปบ้าง การบันทึกข้อมูลการใช้เงินของเราลงไปในแอพ จะทำให้เราสามารถวางแผนการใช้เงินได้ดีมากขึ้น (โดยเฉพาะคนมีหนี้บัตรเครดิตเยอะๆ)
  • คนที่ชอบเดินทาง เราสามารถวางแผนการเดินทางได้ดีมากขึ้น จากข้อมูลการเดินทางในอดีต

ธุรกิจที่เกี่ยวข้องควรจะปรับตัว

ด้วยข้อมูลที่ถูกดึงออกมานี้จะเป็นประโยชน์นอกเหนือจากตัวคนใช้เองแล้ว ยังเป็นประโยชน์กับธุรกิจต่างๆ อีกด้วย โดยคุณเองอาจจะสร้างแอพหรืออุปกรณ์ประเภทนี้ขึ้นมา หรือนำของที่มีอยู่ในมาใช้กับลูกค้าของคุณ  เพื่อที่จะสามารถนำข้อมูลของลูกค้าของคุณไปวิเคราะห์ หรือต่อยอดกับธุรกิจของตนได้ เพราะเมื่อคุณสามารถเข้าใจพฤติกรรมและข้อมูลคนที่เป็นลูกค้าคุณในเชิงลึกได้มากขึ้น มันก็เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจได้มากขึ้นเช่นกัน เช่น ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ โรงพยาบาล, ธุรกิจประกันภัย, ธุรกิจท่องเที่ยว, ธุรกิจเกี่ยวกับการออกกำลังกาย-กีฬา, ธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร, ธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น ฯลฯ  โดยส่วนตัวค่อนข้างอยากเชียร์ให้ธุรกิจสร้างสิ่งของเหล่านี้เอง เพราะการนำเข้าอุปกรณ์เหล่านี้เข้ามาอาจจะต้องใช้เงินไปซื้อของต่างประเทศจำนวนมาก ผมว่าตอนนี้น่าจะมีบริษัทและหน่วยงานในประเทศสามารถสร้างอุปกรณ์เหล่านี้เองได้นะครับ

ดังนั้นตอนนี้ จะเห็นได้ว่า เราสามารถรู้และบันทึกข้อมูลต่างๆ ของตัวเราเองได้ ผ่านเทคโนโลยีที่มีอย่แล้วในปัจจุบันซึ่ง มันจะทำให้คุณค้นพบอะไรบางอย่างจากข้อมูลที่ได้ออกมา ซึ่งแน่นอนครับ มันจะเป็นประโยชน์มากๆ และทำให้เราเข้าใจตัวเรา พฤติกรรมเรามากขึ้น เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว รีบไปโหลดแอพต่างๆ ที่ผมแนะนำมาลองใช้สิครับ ส่วนใหญ่ฟรีครับ  เดียวจะตกเทรนด์นี้ได้นะครับ 

 

 

WearableAppAwards-Final-2013