เรากำลังอยู่ในโลกของข้อมูลมากกมายมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลไฟล์การทำงานต่างๆ หรือจะข้อมูลลูกค้า ข้อมูลการขาย ข้อมูลทางธุรกิจ และยิ่งธุรกิจของเราเข้าสู่บริการทางออนไลน์มากขึ้นเท่าไร เราจะยิ่งมีข้อมูลมากขึ้นเท่านั้นเช่น ข้อมูลคนเข้าเว็บไซต์, การซื้อสินค้า, ข้อมูลลูกค้าว่าเป็นใคร อายุเท่าไร มาจากประเทศไหน เข้ามาใช้ช่วงเวลาอะไร นี้แค่ข้อมูลบางส่วนเท่านั้นที่พูดถึง ยังมีข้อมูลอีกมากมายมหาศาลที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน และต้องยอมรับว่าข้อมูลเหล่านี้สำคัญมาก สำหรับในการวิเคราะห์สิ่งต่างๆ ได้อย่างดีเยี่ยม แต่เมื่อข้อมูลเหล่านี้ มารวมกันมีจำนวนมากมาย มันเลยเกิดคำว่า “ข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ Big Data” เกิดขึ้น มันคือข้อมูลที่มีขนาดและความซับซ้อนมาก และแยกอยู่หลายแหล่ง แต่เมื่อนำมาวิเคราะห์ร่วมกัน เพื่อหาความสัมพันธ์มันจะทำให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ข้อมูลในด้านต่างๆ ออกมาได้ดีมาก เช่น แนวโน้มธุรกิจ, พฤติกรรมของลูกค้า, แนวโน้มการขาย และอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เรามี และความสัมพันธ์ที่เราสร้างขึ้นมา

.

ข้อมูล Big Data มีอะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับเราโดยตรง

ตัวอย่างของข้อมูลที่เราสามารถนำมาวิเคราะห์ในเชิงการเพิ่มประสิทธิภาพการค้าขายออนไลน์ได้ดี ได้แก่
.
  • ข้อมูลการโฆษณา (Online Ads Data) ข้อมูลที่ได้มาจาก การทำโฆษณาในช่องทางต่างๆ ที่เราจะสามารถวัดผลได้อย่างแม่นยำจากระบบโฆษณาออนไลน์ โดยข้อมูลที่ได้ ได้แก่ จำนวนครั้งการแสดงโฆษณา, จำนวนคนคลิก, โฆษณาแสดงที่ไหน, คนที่คลิกเป็นใคร, คลิกมาจากอุปกรณ์อะไร เป็นต้น
  • ข้อมูลคนเข้าเว็บไซต์ (Web Traffic) ข้อมูลที่ได้การคนที่เข้ามาที่เว็บไซต์หรือช่องทางทางออนไลน์ ได้แก่ วัน-เวลา, มาจากที่ไหน,  มาจากช่องทางไหน, ใช้เวลานานเท่าไร, หนีออกไปตอนไหน ที่หน้าใด เป็นต้นข้อมูลส่วนนี้จะสามารถได้มาจาก การติดตั้งเครื่องมือวัดข้อมูลคนเข้าเว็บไซต์ ได้แก่ Google Analytics, Truehits.net
  • ข้อมูลการซื้อสินค้า (Purchasing Data) เป็นข้อมูลที่ได้มาจากการสั่งซื้อสินค้าของลูกค้าในระบบของเรา ได้แก่ สินค้าอะไร, ราคาเท่าไร, ซื้อตอนไหน, จ่ายเงิน-ส่งสินค้าด้วยวิธีอะไร, ฯลฯ
  • ข้อมูลของผู้ซื้อ (Customer Data) ข้อมูลนี้มาจาก ข้อมูลผู้ซื้อที่ให้ตอนซื้อสินค้าหรือข้อมูลสมาชิกโดยมีข้อมูลได้แก่ ชื่อ, อายุ, เพศ, อยู่จังหวัดไหน, ฯลฯ
.
เมื่อเรามีข้อมูลมากมายขนาดนี้ หลากรูปแบบ หลากแหล่ง เมื่อนำข้อมูลเหล่านี้มารวมเข้าด้วยกันทั้ง เดือน ทั้งปี หรือ หลายๆ ปี เราจะมีข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) มากมายมหาศาล ที่สามารถวิเคราะห์ได้ถึง ประสิทธิภาพของการทำการตลาดและโฆษณา, การขายของ, พฤติกรรมของผู้ซื้อ ของกลุ่มเป้าหมาย, กลุ่มสินค้าที่ขายดี หรือขายไม่ดี ที่สามารถนำไปวิเคราะห์ต่อได้ในการทำให้ การวัดผลและการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดแม่นยำและได้ผลดีมากขึ้น
54C58C98-486A-4AB2-B4AD-B1F059793332

ปัจจัยที่สำคัญของการเก็บข้อมูลนำมาทำ Big Data คือ

.
  • ประมาณข้อมูล (Volume) ข้อมูลต้องมีมากเพียงพอต่อการนำไปวิเคราะห์ และเห็นถึงภาพรวมของสิ่งที่เราต้องการวิเคราะห์ ดังนั้นต้องหาและดึงข้อมูลที่เข้ามาให้มากที่สุด และสร้างช่องทางที่สามารถเข้าถึงและดึงข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
  • ความเร็วและความสดข้อข้อมูล (Velocity) ข้อมูลที่มีความสดใหม่ รวมถึงการไหลเข้ามาของข้อมูลที่รวดเร็ว จะทำให้ข้อมูลที่วิเคราะห์ออกมาได้มีความสำคัญ สามารถนำไปใช้ และตัดสินใจได้อย่างทันทีทันใด หากข้อมูลนั้นเก่าและช้า จะทำให้การนำข้อมูลไปใช้ อาจจะไม่เกิดประโยชน์ในบางธุรกิจ
  • ความหลากหลายของข้อมูล (Variety) ยิ่งข้อมูลมีความหลากหลายมากเท่าไร และยิ่งเราสามารถสร้างความสัมพันธ์ของข้อมูลที่มีให้เกิดผลลัพย์ใหม่ๆ เราจะสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปต่อยอดได้ดีมากยิ่งขึ้น
  • คุณค่าของข้อมูล (Value) ข้อมูลที่เก็บมาควรมีค่า มีความหมาย หากข้อมูลที่เก็บมา เก็บแล้วไม่ได้นำมาใช้ หรือแทบไม่สามารถนำไปวิเคราะห์ต่อได้ ข้อมูลที่เก็บมาก็จะไร้ซึ่งความหมาย แต่ยังมีภาระและต้นทุนในการเก็บอีก ดังนั้นจึงต้องเลือกให้ดี ให้ถูกต้อง
.
 

ข้อมูล Big Data สามารถนำไปใช้อะไรได้อีก

.
  • สร้างความเป็นส่วนตัว (Personalize) เราสามารถสร้างและนำเสนอประสบการณ์การให้บริการ กับลูกค้าให้แต่ละคนแตกต่างกันออกไปได้ จากข้อมูลที่เรามีอยู่ ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าที่ซื้อสินค้าเราเป็นประจำ และเข้ามาหาเราบ่อยๆ (จากข้อมูลที่เราเก็บมา) เราก็ควรจะให้บริการพิเศษกับลูกค้ากับลูกค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ
  • ราคาสินค้าที่ปรับไปตามกลุ่มลูกค้า (Dynamic Pricing & Offer) เมื่อเราสามารถเข้าถึงข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เช่น ข้อมูลราคาของคู่แข่ง หรือ พฤติกรรมลุกค้าแต่ละกลุ่ม เราก็สามารถนำเสนอราคาสินค้าที่แตกต่างกันออกไปในแต่กลุ่มลูกค้า และช่วงเวลา ทำให้การสร้างกำไรของธุรกิจมีความยืดหยุ่นมากว่าการขายแบบราคาเดียวตายตัว
  • การให้บริการลูกค้า (Customer Service) หากเราสามารถทราบว่าลูกค้าที่ติดต่อเข้ามา เคยติดต่อเรามาก่อน แล้วคุยเรื่องอะไรไปบ้าง ก็จะทำให้การบริการเกิดความต่อเนื่องมากขึ้น (แนะนำให้ใช้ระบบ CRM เข้ามาช่วย) หรือเราสามารถติดตามคนที่ด่า หรือบ่นถึงสินค้าและบริการเราทางออนไลน์ ผ่านทางโซเชี่ยลมีเดีย แล้วเราสามารถติดต่อเค้าโดยตรง แก้และตอบปัญหาให้ทันที ก็จะทำให้ลูกค้าเกิดความพอใจได้ดีอย่างมาก ดังนั้นเราทราบถึงการที่ลูกค้าพูดถึงเราผ่านทางโซเชี่ยลมีเดียผ่านเครื่องมือติดตามตรวจสอบทางโซเชี่ยลมีเดีย (Social Monotoring)
  • การจัดการข้อมูลในธุรกิจทั้งระบบ (Supply Chain Management) ในการทำธุรกิจมีพันธมิตรทางธุรกิจมากมาก และหากเราสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ของพันธมิตรคุณที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ มันจะทำให้การบริหารจัดการ การตัดสินใจได้ง่ายและรวดเร็วมากขึ้น เช่น เมื่อสินค้าหมด คุณสามารถรู้ได้ทันทีว่า ของจะมาส่งเมื่อไร วันไหน ตอนนี้รถส่งของเดินทางมาถึงตรงไหนแล้ว เป็นต้น
  • การวางแผนล่วงหน้า (Predictive Analysis) ด้วยข้อมูลมากมายมหาศาลที่เกิดขึ้น สามารถทำให้เราคาดการณ์สิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างแม่นยำ ทำให้การวางแผนงานและดำเนินงานต่างๆ สามารถทำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่นคุณสามารถคาดการณ์กว่า ยอดขายเดือนนหน้าจะเป็นอย่างไรจาก ข้อมูลในอดีต ราคาการแข่งขันในปัจจุบัน เพื่อกำหนดเป้าหมายในอนาคต
.
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ คือการนำ Big Data มาใช้กับธุรกิจ เพื่อทำให้เราเห็นถึงภาพรวมของการทำธุรกิจ มีข้อมูลในการตัดสินใจได้แม่นยำมากขึ้น โดยต้องอาศัยข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ที่เดียวนี้การเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ไม่ยากอีกต่อไปแล้ว ด้วยความสามารถของเทคโนโลยีที่มีในปัจจุบัน ดังนั้น อย่างปล่อยให้ข้อมูลที่มีอยู่ ใช้ไม่เกิดประโยชน์ จงนำข้อมูลทีมีอยู่รอบๆ ตัว มาสร้างและรวมกันให้เกิดข้อมูลใหม่ๆ ที่จำเป็นต่อธุรกิจและการทำงานของเรากันดีกว่าครับ.!