ช่วงนี้หลายธุรกิจเริ่มต้นขยายช่องทางการขายสินค้าออกมาทางออนไลน์กันเพิ่มมากขึ้น สร้างรายได้และกลายเป็นช่องทางที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วประเทศและทั่วโลกได้ทันที โดยสิ่งสำคัญนอกเหนือจากการขายของนั้นคือการชำระเงินซึ่งตอนนี้พัฒนาไปมาก เรามีวิธีการชำระเงินที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นชำระผ่านทางออนไลน์หรือออฟไลน์ สร้างความสะดวกให้กับผู้ซื้อคนไทยอย่างมาก และมีระบบการขนส่งสินค้าเองก็มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เพราะเริ่มมีผู้ให้บริการหน้าใหม่ที่เปิดขึ้นมารองรับการส่งสินค้าของธุรกิจออนไลน์โดยตรง หรือ E-Logistic ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และหลากหลายรูปแบบ
ในอดีตที่ผ่านมาการค้าขายผ่านทางออนไลน์ การส่งสินค้ามักจะผูกขาดกับการขนส่งโดยไปรษณีย์ไทย แทบจะเรียกได้ว่า เกือบ 100% ผู้ค้าออนไลน์ของคนไทยใช้ไปรษณีย์ไทยแทบทั้งหมด ด้วยราคาที่ถูก, จุดให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศไทย และคุ้นเคยกับคนไทยมาช้านาน แต่ด้วยการเติบโตของธุรกิจออนไลน์ทำให้ และความต้องการของผู้ซื้อและผู้ขายมีเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีผู้บริการขนส่งหน้าใหม่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งหลายๆ แห่งเกิดขึ้นมาเพื่อรองรับธุรกิจการค้าผ่านออนไลน์โดยเฉพาะ
ประเภทของการขนส่งทางออนไลน์
เราสามารถแบ่งกลุ่มผู้ให้บริการขนส่งทางออนไลน์ออกเป็นในด้านการด้าน การขนส่ง และ จัดเก็บ สินค้า มาดูกันว่าเป็นอย่างไรบ้าง
1.) ผู้ให้บริการขนส่ง (E-Delivery) คือ ผู้ให้บริการการขนส่งสินค้าโดยจะมีหลายรูปแบบทั้งด้วยรถยนต์ รถบรรทุกหรือมอเตอร์ไซค์ โดยการขนส่งจะมีความหลากหลายมากขึ้น รวดเร็วขึ้น แม่นยำมากขึ้น โดยมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ร่วมกัน เช่น มีการแอพและเทคโนโลยีในการติดต่อสื่อสารทำให้พ่อค้าแม่ค้าสามารถ เรียกผู้ให้บริการขนส่งที่อยู่ในระแวกใกล้ๆ โดยการเช็กตำแหน่งของผู้ส่งผ่านมือถือ มารับสินค้าและไปส่งปลายทาง (ภายในกรุงเทพได้ทันที) โดยเจ้าหน้าที่ผู้ส่ง ก็ใช้แอพในมือถือเป็นช่องทางในการติดต่อกับบริษัทขนส่ง และผู้ส่งสินค้าได้ง่ายๆ และผู้ส่งยังสามารถเช็กตำแหน่งของสินค้าได้ทันที โดยตอนนี้มีผู้ให้บริการหลากหลายบริษัทและแอพที่เพิ่งเปิดตัวออกมาได้เแก่ Skootar, Lalamove, RushBike, Deliveree, GrabBike เป็นต้น
.
.
2.) ผู้ให้บริการคลังสินค้าพร้อมจัดส่ง (E-Fulfilment) คือผู้ให้บริการที่ครอบคลุมบริการหลายๆ อย่างไว้ด้วยกันได้แก่ ซึ่งจะเหมาะกับธุรกิจที่ค้าขายออนไลน์ที่มีคนมาบริหารการส่งสินค้าให้แบบครบวงจรได้แก่
– บริการพื้นที่เก็บสินค้า (Storage and Warehouse) โดยมีพื้นที่ในการเก็บสินค้าให้กับเจ้าของธุรกิจ
– บริการจัดการการสั่งซื้อ (Order Management) เมื่อมีการสั่งซื้อเข้ามา เจ้าหน้าที่จะทำการจัดการกับการสั่งซื้อนั้นๆ
– บริการหยิบและบรรจุหีบห่อ (Pick & Pack) เป็นการหยิบสินค้าและนำไปบรรจุหีบห่อและจ่าหน้าข้อมูลผู้ซื้อ
– บริการจัดส่ง (Delivery) บริการส่งสินค้า ซึ่งในส่วนนี้อาจจะเป็นผู้ให้บริการในข้อที่ 1 ที่เกริ่นมาข้างต้น
.
.
ซึ่งตอนนี้มีผู้ให้บริการคลังสินค้าพร้อมจัดส่งและเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ หลายแห่งได้แก่ Sokochan, ShipYours, aCommerce, Alpha, Nikos, Kerry, CJ และอีกหลายๆ แห่ง
.
นี้คือบางส่วนของผู้ให้บริการการขนส่งและคลังสินค้าครบวงจรที่เริ่มเข้ามาบทบาทอย่างมาในวงการการค้าออนไลน์ ที่จะทำให้ผู้ทำการค้าสามารถโฟกัสกับการค้าได้มากขึ้นและแบ่งงานในส่วนการขนส่งและการเก็บสินค้าออกไปให้บริษัทที่เชี่ยวชาญทำ ทำให้ประสิทธิภาพในการทำธุรกิจออนไลน์มีประสิทธิภาพมากขึ้น หากคุณเป็นคนนึงที่ทำธุรกิจการค้าออนไลน์ ลองเริ่มหันมาดูว่า คุณจะใช้บริการนี้พวกนี้อย่างไรให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่ากับธุรกิจคุณมากที่สุดครับ เลิกส่งสินค้าเองได้แล้ว ควรไปให้มืออาชีพบริหารจัดการให้เราดีกว่าครับ.!
สุดยอดเลยคะ สำหรับข้อมูล
ถูกใจถูกใจ