ในขณะที่ธุรกิจของไทยกำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไปพร้อมๆ กับการเติบโตของเทคโนโลยีที่เข้ามาบทบาทอย่างมาในการทำธุรกิจ อย่างมากในตอนนี้ เห็นได้ชัดจากแนวโน้มของธุรกิจทั่วโลกต่างเปิดรับและนำเทคโลยีเข้ามามีส่วนสำคัญในการนำพาธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และขยายขอบเขตการทำธุรกิจออกไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ธุรกิจในประเทศไทยเองก็กำลังเข้าสู่การปรับตัวเช่นเดียวกัน แต่ดูเหมือนกันการปรับตัวของธุรกิจของไทยจะช้ากว่าที่ธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่งหากเป็นอย่างนี้ในต่อไป ในอีก 5 ปีข้างหน้า ส่วนตัวผมมองว่าธุรกิจหลายๆ อย่างของไทยจะไร้ที่ยืนในตลาดประเทศตัวเองอย่างแน่นอน ทำไม?​ ลองมาดูกัน

.
.

เม็ดเงินธุรกิจสื่อไหลออกไปนอกประเทศอย่างต่อเนื่อง

     ปัจจุบันการใช้เม็ดเงินจากสื่อโฆษณากำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เงินจากสื่อออฟไลน์อย่าง วิทยุ หนังสือพิมพ์ ทีวีมีแนวโน้มที่ตกลงอย่างต่อเนื่อง เพราะทั้งราคาที่แพง แต่ประสิทธิภาพไม่สามารถวัดผล และเข้าถึงกลุ่มหมายได้มีประสิทธิภาพ (Efficiency) ได้น้อยกว่าสื่อออนไลน์อย่างมาก ทำให้เงินจำนวนมาก เริ่มย้ายจากสื่อออฟไลน์มาออนไลน์อย่างเห็นได้ชัด  ซึ่งทำให้ธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ไปจนถึงองค์กรขนาดเล็ก ต่างเทงบประมาณการตลาดลงมาสื่อออนไลน์อย่างเต็มที่ เพราะด้วยสาเหตุที่ ราคาถูกกว่า, มีประสิทธิภาพมากกว่า, วัดผลได้แม่นยำกว่า และเข้าถึงคนจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว
ตัวเลขการใช้เม็ดเงินโฆษณาทางออนไลน์ปี 2015 โดย DAAT
ตัวเลขการใช้เม็ดเงินโฆษณาทางออนไลน์ปี 2015 โดย DAAT
แต่หากสังเกตุดีๆ จะพบว่าเม็ดเงินที่กำลังถูกเทเข้ามายังสื่อออนไลน์ นั้นเกือบ 50% ถูกใช้ไปกับ “สื่อโฆษณาออนไลน์ของต่างประเทศ” เป็นหลัก ได้แก่ Google, Facebook, Youtube, Line ฯลฯ มากกว่าจะลงในสื่อโฆษณาของไทย และแนวโน้มการเติบโตของการใช้สื่อโฆษณาออนไลน์ต่างประเทศในไทย เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกๆ ปี นั้นหมายถึงเม็ดเงินที่ธุรกิจต่างๆ ของไทยจ่ายออกไปนั้น ถูกจ่ายออกไปยังต่างประเทศโดยตรงทันที (ถึงแม้จะจ่ายผ่านเอเยซี่ก็ตาม) โดยที่ประเทศไทยแทบไม่ได้เงินภาษีจากเงินในส่วนนี้เลย นับเป็นเงินหลายพันล้านบาท
ตัวเลขการใช้เม็ดเงินโฆษณาทางออนไลน์แยกประเภทปี 2015 โดย DAAT
ตัวเลขการใช้เม็ดเงินโฆษณาทางออนไลน์แยกประเภทปี 2015 โดย DAAT

ธุรกิจไทยจะถูกต่างชาติบุกเข้ามาเคาะประตูบ้านลูกค้าคนไทยผ่านทางออนไลน์

     ในขณะที่ปัจจุบันจำนวนคนไทยใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหลายๆ คนหันมาซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น โดยที่ธุรกิจต่างๆ ของไทยต่างก็เริ่มบุกเข้ามาค้าขายในออนไลน์เพิ่มมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันเว็บไซต์จากต่างชาติก็เริ่มบุกเข้ามาค้าขายในไทย โดยจากเดิมเว็บจากต่างชาติมักใช้ภาษาอังฤกษ หรือภาษาท้องถิ่น แต่ด้วยการต้องการขยายตลาดของเว็บไซต์ออนไลน์ต่างประเทศ  ต่างก็เริ่ม แปลงร่างเพิ่มภาษาให้รองรับภาษาไทยเพิ่มมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น LightintheBox.com เว็บไซต์สินค้าออนไลน์จากจีน ที่มีภาษาต่างประเทศถึง 27 ภาษารวมถึงภาษาไทยด้วย ทำให้คนไทยหลายๆ คนเริ่มหันไปซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ต่างประเทศกันมากขึ้น เพราะด้วยราคาถูกกว่า เพราะสินค้าส่งตรงจากโรงงานในประเทศจีนเข้ามาในไทย และสั่งแล้วใช้เวลาเพียง 3-7 วัน ของก็ส่งมาถึงหน้าบ้านแล้ว ซึ่งจะกระทบกับธุรกิจที่นำเข้าสินค้ามาจากต่างประเทศทันที ซึ่งแนวโน้ม จะมีเว็บไซต์สินค้าออนไลน์ต่างประเทศที่เริ่มมีภาษาไทย และขยายเข้ามายังคนไทยเพิ่มมากขี้นอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งอีกไม่กี่ปี สินค้าจากต่างประเทศมากมายนับล้านๆ ชิ้นจะบุกเข้ามายังลูกค้าคนไทยผ่านทางออนไลน์ และสามารถซื้อด้วยปลายนิ้วทันที
.
.
นี้คือแนวโน้มที่เกิดขึ้นแล้ว และกำลังจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อไป ซึ่งแน่นอน มันจะดึงเม็ดเงินจากธุรกิจและคนไทยออกไปยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่องและไม่หยุด เพราะพฤติกรรมคนไทย รวมถึงธุรกิจไทยกำลังมุ่งไปทางนี้จริงๆ ทั้งเม็ดเงินจากสื่อโฆษณาที่ไหลออกไปต่างประเทศ​ รวมถึงกำลังซื้อสินค้าจะไหลออกไปยังเว็บไซต์ต่างประเทศเช่นเดียวกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ จะกระทบต่อธุรกิจไทยเต็มๆ ซึ่งอาจจะทำให้บางธุรกิจของไทย แทบไร้ที่ยืนทันที ดังนั้นธุรกิจไทยที่มีผลกระทบ ต้องเรียนรู้ และปรับตัว ปรับธุรกิจ นำธุรกิจของตัวเองเตรียมรับมือกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น อ่านบทความนี้จบ ต้องหาทางรับมือกันแล้วล่ะครับ มันมาแน่ๆ.! 
.
.