ใกล้เวลาสิ้นปีกันแล้ว หลายๆคนที่ต้องเสียภาษี คงกำลังมองหาทางเลือกในการลดภาษี ไม่ว่าจะเป็นการซื้อประกันชีวิต หรือกู้ซื้อบ้าน ที่สามารถนำมาแจ้ง เพื่อลดหย่อนภาษีได้ ยังมีการลงทุนแบบทางเลือก ที่สามารถให้ทั้งผลตอบแทน และการลดหย่อนภาษีอีกด้วย เรามาทำความรู้จักการลงทุน เพื่อลดหย่อนภาษีในแต่ละแบบกันเลย!!
การลงทุนที่มีผลประโยชน์ในการลดภาษี…มี แบบไหนได้บ้าง
ปกติการลดหย่อนภาษีมาจากหลายส่วนด้วยกัน เช่น ค่าลดหย่อนที่เกิดจากคน เช่น ตนเอง คู่สมรส การเลี้ยงดูบุตร และเบี้ยประกันของบิดามารดา ต่อมาเป็นค่าลดหย่อนที่เกิดจากรายจ่าย เช่น เงินกู้ซื้อบ้าน คอนโด หรือการไปเที่ยวภายในประเทศก็สามารถลดหย่อนทางภาษีได้ เป็นต้น แต่ในวันนี้จะขอยกในส่วนของการลงทุนเพื่อผลประโยชน์ทางภาษีเท่านั้นนะครับ ค่าลดหย่อนแต่ละประเภทจะนำมาหักหลังจากที่เรานำรายได้มาหักค่าใช้จ่ายในอัตรา 40% ของรายได้แต่ไม่เกิน 60,000 บาทแล้ว สามารถหักค่าลดหย่อนด้วนการลงทุนในรูปแบบต่างๆดังต่อไปนี้
- เบี้ยประกันชีวิต แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
- ประกันชีวิตแบบทั่วไป นำไปลดหย่อนสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท(หากคู่สมรสมีรายได้หักได้สูงสุด 100,000 บาท หากไม่มีรายได้จะหักได้สูงสุด 10,000 บาท)
ประกันชีวิตแบบบำนาญ นำไปลดหน่อยได้ 15%ของเงินได้ และสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท
2.เงินสมทบกบข. (สำหรับข้าราชการ) และ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (สำหรับเอกชน)
เงินสมทบกบข. (สำหรับข้าราชการ) และ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (สำหรับเอกชน) ที่เราจ่ายไปทุกเดือนสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันไม่เกิน 500,000 บาท
3.กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund: RMF)
ลงทุนได้สูงสุด 15 % ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี นับรวมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และประกันชีวิตแบบบำนาญ รวมกันไม่เกิน 500 ,000 บาท
กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ Retirement Mutual Fund: RMF มีวัตถุประสงค์เพื่อ ต้องการให้ประชาชน รู้จักวางแผนการออมเงิน เพื่อเก็บไว้ใช้ในยามเกษียณอายุ จะได้ไปเป็นภาระกับลูกหลาน ในอนาคตต่อไป ซึ่งเงื่อนไขในการลงทุนนั้น จะต้องลงทุนอย่างน้อย 5 ปี และอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปี จึงจะสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ การลงทุนในกองทุนประเภท RMF ควรจะลงทุนต่อเนื่องทุกปี หรือหากเว้นการลงทุนจะเว้นได้เพียงปีเว้นปีเท่านั้น ห้ามเว้นติดต่อกัน2 ปี หากเป็นเช่นนั้นนับว่าเป็นการลงทุนที่ผิดเงื่อนไข
**แต่เงื่อนไขเพิ่มเตืมสำหรับค่าลดหย่อน 3 ข้อเบื้องต้นนั้น มีเงื่อนไขว่ารวบมูลค่าจาก RMF,กบข./ กองทุน และประกันชีวิตแบบบำนาญรวมกันต้องไม่เกิน 500,000 บาท
4. กองทุนหุ้นระยะยาว (Long Term Equity Fund) หรือกองทุนรวมหุ้นระยะยาว
ลงทุนได้สูงสุด 15% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 500,000 บาท โดยไม่ต้องนับรวมกองทุนสำหรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนายข้าราชการ และ ประกันชีวิตแบบบำนาญ โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้น ไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน กองทุน LTF มีเงื่อนไขการถือครอง 5 ปี ปฎิทิน ไม่จำเป็นต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี ปีไหนซื้อปีนั้นสามารถนำเงินไปลดหย่อนภาษีได้ และถือครองเพียง5 ปีปฎิทินเท่านั้น เช่น ซื้อตอนเดือนธ.ค. 2558 ถึงเดือนม.ม.ค. ปี 2562 ก็สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้
เมื่อเข้าใจการลงทุนที่จะเป็นประโยชน์ทางภาษี และเป็นการวางแผนการลงทุนเพื่อออมเงินไว้ใช้ในอนาคตแล้ว เรามาดูวิธีการที่เลือกลงทุนให้เหมาะกับตัวเองในแต่ละด้านกันดีกว่า
4 เคล็ดลับลดหย่อนภาษีให้เหมาะกับสไตล์ตัวเอง
ก่อนจะวิเคราะห์ปัจจัยอื่นๆ สิ่งสำคัญของการลงทุนอีกข้อหนึ่งคือการเข้าใจตัวเอง และเลือกลงทุนให้เหมาะสมกับตัวเอง อย่าลอกการลงทุนตามแบบใคร เพราะคนเรามีสไตล์การลงทุนที่ต่างกันครับ การรับความเสี่ยงจากการลงทุนก้ต่างกัน เคล็ดลับ 5 ข้อนี้อาจจะแนะนำให้คุณค้นหาสไตล์การลงทุนของตัวเองเจอนะครับ
- วัยต่างกัน.. รับผิดชอบต่างกัน
ช่วงอายุก็เป็นสิ่งสำคัญนะครับ คนที่อายุน้อยกว่าย่อมแบกรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้มากกว่าเนื่องจากภาระรับผิดชอบจะเพิ่มขึ้นตามอายุ เช่น ช่วงวัยเริ่มต้นทำงาน อาจจะยังไม่่ต้องมีภาระเลี้ยงดูบุตร และยังมีเวลาสำหรับเตรียมตัวเกษียณ ทำให้สามารถรับความผันผวนจากการลงทุนได้ ซึ่งคนกลุ่มนี้ อาจจะเหมาะสำหรับการลงทุนในกองทุน LTF โดยใช้เวลาในการลงทุนไม่นานก็สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ และหากต้องการลงทุนใน RMF ตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อต้องการทยอยลงทุนไปเรื่อยๆ ก็นับว่าเป็นการวางแผนการลงทุนที่ดี ลงทุนก่อนเงินก็มีโอกาสเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ
- สไตล์การลงทุน (การรับความเสี่ยง)
นอกจากอายุที่มีผลต่อความเสี่ยงที่ยอมรับได้แล้ว ในแต่ละบุคคลก็สามารถรรับความเสี่ยงได้ต่างกันขึ้นกับนิสัยในการลงทุน บางคนแม้อายุจะมากแล้ว แต่เป็นคนที่กล้าได้กล้าเสีย ก็สามารถรับความเสี่ยงได้มาก ส่วนบางคนอาจจะไม่ชอบความหวือหวา และไม่อยากขาดทุน กินเงินต้นในการลงทุนก็อาจจะรับความเสี่ยงได้ต่ำกว่า หากใครอยากรู้ระดับการยอมรับความเสี่ยงของตนเอง ลองเข้าไปทำแบบทดสอบที่มีหลากหลายธนาคารและสถาบันการเงินให้บริการทดสอบ หรือในอินเทอร์เน็ตก็มีแบบทดสอบให้ทำเต็มไปหมดเลยครับ ลองไปทำกันดูได้ เพื่อเข้าใจสไตล์ของตัวเองมากขึ้น
- ไลฟ์สไตล์จากอาชีพ (มนุษย์เงินเดือน ฟรีแลนซ์ )
หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วอาชีพมันเกี่ยวอะไรกับการลงทุน มนุษย์เงินเดือนกับ Freelance หรืองานไม่ประจำ ลักษณะรายได้ที่เข้ามาก็ต่างกัน มนุษย์เงินเดือนรายได้เท่าๆกันเป็นประจำ ต่างกับ Freelance หรือพนักงานไม่ประจำ ที่รายได้ไม่เท่ากันในแต่ละเดือน และระยะเวลาทีไม่แน่นอน หรือบางคนอาจจะเป็นทั้งมนุษย์เงินเดือน และ Freelance ด้วย ซึ่งการมีรายได้ที่ี่สม่ำเสมอ ผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจคือเงินฝากประจำ หรืออาจจะทยอยลงทุนในกองทุนประเภท LTF, RMF ในทุกๆเดือนก็ได้ ส่วนอาชีพ Freelance อาจจะใช้วิธี “หักหัวคิว” โดยหักเงินออกจากรายได้มาลงทุนเลย
- การลงทุนในกองทุน LTF / RMF ควรจะอยู่ในเงื่อนไขกำหนด
การลงทุนในกองทุน LTF / RMF เป็นการสร้างวินัยในการออมเงินเพื่อเก็บไว้ใช้ในอนาคต พร้อมได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งในปัจจุปัน ประชาชนรู้จัก และให้ความสำคัญกับทางลงทุนในกองทุนประเภทดังกล่าวมากขึ้น จากที่เคยลงทุนเพียงเล็กน้อย เพื่อลองดู แต่ในระยะยาว เมื่อผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีนั้น ส่งผลให้ในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่จะลงเต็มตามจำนวนที่สามารถลงทุนได้ แต่หลายๆท่าน อาจจะยังไม่รู้ว่าการลงทุนในกองทุน LTF / RMF จะต้องลงทุนตามเงื่อนไขที่กำหนด และหากผิดเงื่อนไขการลงทุน จะเป็นอย่างไร
สำหรับกองทุน LTF หากผิดเงื่อนไข ผู้ลงทุนต้องนำภาษีที่เคยได้รับการลดหย่อนภาษีของเงินลงทุนนั้นคืนสรรพากร พร้อมเงินเพิ่มในอัตรา1.5% ต่อเดือนของภาษีก้อนนั้น (นับตั้งแต่เดือนเมษายนของปีที่ยื่นขอลดหย่อนภาษี ถึงเดือนที่คืนภาษี ) และหากมีกำไรต้องนำกำไรไปรวมเป็นรายได้ แล้วนำไปเสียภาษีด้วย
ส่วนกองทุน RMF หากผิดเงื่อนไขการลงทุน ในกรณีที่ลงทุนมาไม่ถึงอายุ 55 ปี บริบูรณ์ แค่ลงทุนมาเกิน5 ปีถ้วน ผู้ลงทุนต้องนำภาษีที่เคยได้รับการลดหย่อนภาษีในช่วง 5 ปีล่าสุดคืนสรรพากร และกรณีที่ลงทุนมาไม่เกิน5 ปีแล้วขาย ผู้ลงทุนต้องนำภาษีที่เคยได้รับการลดหย่อนทั้งหมดคืนสรรพากร และหากมีกำไรต้องนำกำไรไปรวมเป็นรายได้แล้วนำไปเสียภาษี
สำหรับคนที่ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองควรจะลงทุนอย่างไร แบบไหน วันนี้ทางธนาคารกรุงไทยจัดโครงการพิเศษ ‘KTB Investment Festival’ ต้อนรับสิ้นปี เชิญชวนนักลงทุน และ Smart Worker ลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่นำมาให้เลือกลงทุนถึง 3 รูปแบบ ได้แก่ กองทุนรวม LTF / RMF กรมธรรม์ประกันชีวิต และเงินฝากปลอดภาษีดอกเบี้ยสูง เลือกรับผลตอบแทนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รับสิทธิ์หักลดหย่อนภาษี พร้อมโปรโมชั่นอีกเพียบ
หากใครสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม ก็สามารถสอบถามรายละเอียดและซื้อผลิตภัณฑ์การเงินได้ที่ ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา ทั่วประเทศ วันนี้ – 30 ธันวาคม 2558 หรือเข้าไปอ่านรายละเอียดได้ที่นี่ครับ Click
เลือกลงทุนให้ฉลาด และเหมาะสมกับตัวเองกัน เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้ตัวเองในอนาคต มาเริ่มลงทุนกันครับ!
SecFilterEngine Off
SecFilterScanPOST Off