อาทิตย์นี้หยุดยาวผมได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวที่ภูเก็ตพร้อมครอบครัว ผมได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีนักเดินทางจากประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเติบโตอย่างเห็นได้ชัด ไทยยังติดอันดับที่เที่ยวยอดนิยมที่คาดว่าคนจีนอยากไป จากการคาดการณ์ของ Tourism Economics เมืองจุดหมายปลายทาง 5 อันดับแรกที่ชาวจีนอยากไป ในช่วงปี 2556-2566 ได้แก่ 1.นิวยอร์ก 2. ลอสแอนเจลิส 3. โตเกียว 4. กรุงเทพฯ 5. พัทยา
แต่อย่างที่เราทราบกันดีคือ มีกลุ่มคนจีนเข้ามาทำธุรกิจรอบรับคนจีนกันอย่างมากมาย อย่างรถทัวร์, โรงแรม, ร้านของฝาก เป็นต้น ทำให้เม็ดเงินที่นักท่องเท่ียวจีนจับจ่ายเข้ามา กลับไม่เข้าสู่มือคนไทย และที่ผมเริ่มเห็นในหลายๆ เมืองคือ เริ่มมีระบบชำระเงินออนไลน์ของจีนเข้ามารับเงินคนจีนกันอย่างมากมายเลยทีเดียว ซึ่งจะมีผลกระทบอะไรกับธุรกิจไทยอย่างไรบ้าง ผมวิเคราะห์กันครับ
ตอนนี้ระบบชำระเงินออนไลน์ในประเทศจีนกำลังเติบโตอย่างสุดขีด โดย คนจีนนิยมชำระเงินผ่านทางออนไลน์อย่าง Alipay, WeChat Pay ทั้งสองอย่างนี้เป็นตัวอย่างระบบชำระเงินที่คนจีนใช้กันอย่างมาก โดยสามารถใช้โอนเงินหาระหว่างกัน, ใช้จ่ายค่าน้ำ-ไฟ, ใช้ซื้อสินค้าทั้งออนไลน์และตามหน้าร้านค้าโดยทั้งหมดนี้สามารถทำได้โดยง่ายมากๆ เพียงแค่ เปิดแอพ สแกนคิวอาร์โค๊ด ก็สามารถจ่ายเงินได้ทันที ทำให้การชำระเงินผ่านช่องทางนี้ กลายเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับคนจีน
ด้วยจำนวนคนจีนที่หลั่งไหลเข้ามาเมืองไทยทำให้ และใช้จ่ายเงินจำนวนมาก ทำให้เริ่มมีตัวแทนของผู้ให้บริการชำระเงินของจีนเริ่มบุกเข้ามาในไทย มาติดต่อร้านค้า โดยเฉพาะร้านค้าที่เป็นที่นิยมของนักท่องเท่ียวจีน ตามแหล่งท่องเท่ียวต่างๆ อย่าง พัทยา, เชียงใหม่, ภูเก็ต เป็นตัน ให้สามารถรับชำระเงินผ่านระบชำระเงินของจีนได้ทันที โดยตัวอย่างนึงของร้านอาหารทะเลร้านนึงที่ภูเก็ต ที่มีคนจีนเข้าไปทานเยอะมาก และผมเองก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าของร้าน หลังจากเห็นโลโก้ และป้ายคิวอาร์โค๊ดของ WeChat Pay ตั้งอยู่ที่ร้าน โดยเจ้าของร้านบอกว่า เพิ่งได้รับชำระเงินผ่าน WeChat Pay ได้เดือนกว่าๆ มีคนจีนมาจ่ายเงินผ่านระบบนี้ทุกวัน วันนึงสูงสุดเป็นแสนๆ บาท เพราะส่วนใหญ่คนจีนมีระบบชำระเงินประเภทนี้อยู่แล้ว ทำให้จ่ายเงินได้ง่ายมากขึ้น และคนจีนสามารถเลือกจ่ายเป็นเงินบาทได้เลย

พอถามต่อว่าเค้าเอาเงินจาก WeChat Pay ได้อย่างไร? เจ้าของร้านบอกว่า ทาง WeChat Pay จะมีเงินสดฝากไว้กับทางร้าน หนึ่งหมื่นบาท พอลูกค้ามีการชำระเงินเข้ามา ทาง WeChat Pay จะโอนเงินมาเติมให้จนเต็มหมื่นบาทตลอดเวลา ทำให้เจ้าของร้าน ได้รับเงินจากลูกค้าที่มาจ่ายเงินที่ร้านได้สะดวกมากๆ โดยมี WeChat Pay เป็นตัวกลาง และทางเจ้าของร้านจะมีแอพ ที่สามารถเปิดดูเช็กยอดการชำระเงินได้ตลอดเวลา และที่สำคัญคือ ไม่มีค่าธรรมเนียมเลย ซึ่งปกติการใช้บัตรเครดิตหรือบัตรอื่นๆ ของธนาคารไทย จะต้องมีค่าธรรมเนียม 1-2% ซึ่งตอนนี้นอกจาก WeChat Pay แล้ว ยังมี Alipay ที่เริ่มบุกเข้ามาในไทยเป็นจำนวนมาก ตามเมืองท่องเที่ยวต่างๆ แล้ว
นอกจากนี้ทาง 7-Eleven ประเทศไทยได้เริ่มบริการรับชำระเงินค่าสินค้าผ่านแอพ Alipay บนเคาน์เตอร์เซอร์วิสแล้ว Alipay เริ่มรุกในตลาดเมืองไทยตั้งแต่สองปีที่แล้ว โดยสามารถใช้จ่ายได้ที่ร้านค้าปลอดภาษี King Power
นอกจากการขยายบริการเข้าไปใน 7-Eleven แล้ว ยอดจากนี้ Alipay ยังพิจารณาเตรียมขยายการรองรับการจ่ายเงินในบริการเรียกรถโดยสารในไทย ซึ่งตรงตามความต้องการของนักท่องเที่ยวจีนคนรุ่นใหม่ ที่เป็นกลุ่มผู้ใช้หลักของ Alipay เพิ่มไปอีกด้วย
เมื่อผมได้เห็นแบบนี้ก็เริ่มกลับมานั่งนึกดูดีๆ ว่า หากเป็นแบบนี้แล้ว จะมีผลกระทบอะไรกับใครบ้าง หากระบบชำระเงินแบบนี้เติบโตขึ้นอย่างมากในประเทศไทย ที่แน่ๆ คือ ธนาคารไทย จากเดิมที่ร้านค้าต่างๆ จะใช้ได้ค่าธรรมเนียมจากการใช้บัตรเครดิตจากการชำระเงิน ส่วนนี้จะหายไปทันที และนอกจากธนาคาร บริษัทที่ได้ผลกระทบคือ วีซ่า หรือ มาสเตอร์การ์ด จากเดิมที่ได้ค่าบริการจากการตัดบัตร แต่หากเป็นรูปแบบนี้ก็ไม่สามารถสร้างรายได้อะไรได้เลย
แต่หากมองกลับกัน ร้านค้าต่างๆ กลับได้รับความสะดวกสบาย รวมไปถึงบรรดานักท่องเที่ยวจีน ก็ซื้อง่าย จ่ายสบายมากขึ้น เงินไหลออกเข้าไทยมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีกับร้านค้าของไทยไปในทันที (เงินจะวิ่งไปที่จีนก่อน แล้วจะถูกส่งให้ร้านค้าภายหลัง)
ต้องบอกก่อนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้เกิดเฉพาะที่เมืองไทยเท่านั้น เท่าที่ผมสังเกตุจากการเดินทางไปในหลายๆ ประเทศก็พบกว่า หลายๆ ประเทศรอบๆ เราที่มีนักท่องเท่ียวจีนไป ก็จะมีระบบชำระเงินพวกนี้ตามไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็น สิงค์โปร์, มาเลย์เซีย, อินโดนิเซีย หรือไต้หวัน ฉะนั้น แนวโน้มการกระจายตัวของระบบชำระเงินของจีน กำลังเริ่มรุกออกไปยังในประเทศที่คนจีนออกไปเที่ยวอย่างรวดเร็ว
นี้คือความแข็งแกร่งของธุรกิจออนไลน์ของจีน ที่สามารถขยายขอบเขตธุรกิจของตัวเองออกไปพร้อมๆ กับนักท่องเที่ยวของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหลังจากที่เปิดรองรับคนจีนแล้ว ก้าวต่อไปเดาได้ไม่ยากเลย คือการเปิดให้คนท้องถิ่นต่างๆ สามารถใช้บริการได้ด้วย (เพราะร้านค้าต่างๆ พร้อมอยู่แล้ว) เห็นแบบนี้แล้ว ผมคาดการณ์ได้เลยว่า ต่อไปอนาคตธนาคารต่างๆ คนจะใช้น้อยลง แล้วหันไปใช้บริการของบริการชำระเงินผ่านแอพแน่ๆ นี้คือตัวอย่างของธุรกิจจของ FIN Tech (Financial Technology) ที่ไม่มีพรมแดนประเทศไหนอีกต่อไป ที่จะเข้ามามีผลต่อชีวิตพวกเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ
ขอบคุณสำหรับ บทความดี ๆ ครับ
ถูกใจถูกใจ