จากเดิมความรู้ถูกถ่ายทอดในหลายรูปแบบทั้งการขีดเขียนหรือบันทึก การพูดปากต่อปากมีหลักฐานบ้าง ไม่มีหลักฐานบ้าง เมื่อเข้าสู่ยุคที่มีคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทมากขึ้น รูปแบบการเรียนรู้เริ่มเปลี่ยนไป ทุกอย่างมันเริ่มพลิกเมื่อเราเข้าสู่ยุคอินเทอร์เน็ต ยุคที่การประมวลผลมีความเร็วสูง
จุดเปลี่ยนของการเรียนรู้
รูปแบบของการเรียนรู้ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อข้อมูลถูกเปลี่ยนรูปแบบไปเป็นดิจิทัลที่มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น การมาของ mp3 ทำให้เรื่องของการสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับเสียงเปลี่ยนไปจากที่เคยฟังเพลงจากแผ่น จากเทป ก็เปลี่ยนมาเป็นการฟังจาก mp3 คนเริ่มมีการรับรู้หรือเสพเพลงได้หลากหลายมากขึ้น
หากจะพูดว่าตัวกลางสำคัญหรือคนที่กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่การเรียนรู้ในรูปแบบดิจิทัลคือ Google ก็คงจะไม่ผิด และการที่ Google ซื้อ YouTube ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงการเรียนรู้ครั้งยิ่งใหญ่มหาศาล เพราะการเรียนรู้ของคนในยุคดิจิทัลเริ่มหันมาสนใจคอนเทนต์วิดีโอมากขึ้น
จริง ๆ ตัวกระตุ้นให้เกิดการทำเนื้อหาคอนเทนต์หรือองค์ความรู้ในรูปแบบวิดีโอก็คือโฆษณา คนตัวเล็ก ๆ ก็สามารถเป็นสื่อบนโลกออนไลน์ได้ ไม่ว่าจะบน YouTube, Soundcloud หรือการทำบล็อกของตัวเอง สื่อเหล่านี้มีการปรับตัวให้แข็งแกร่งมากขึ้นโดยสามารถระบุตัวตนของคน การยืนยันตัวตนของคนที่ดูว่าเป็นใครและทำได้แม่นยำขึ้นนี่เองที่เป็นตัวเร่งให้หลายคนหันมาทำคอนเทนต์หรือทำให้องค์ความรู้มีอยู่ในสิ่งต่าง ๆ มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
การเรียนรู้รูปแบบใหม่
ที่ผมเกริ่นมาทั้งหมดอยากบอกว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะรูปแบบการเรียนรู้ รูปแบบของสื่อ รูปแบบของเนื้อหาหรือองค์ความรู้มันเปลี่ยนไปแล้ว สมัยก่อนเราเรียนรู้ต้องรอเวลาเข้าไปเรียน ต้องรอเวลาครูมาสอน รูปแบบการเรียนยังเป็นลักษณะที่ชัดเจน ตายตัว มีความยืดหยุ่นต่ำ การกระจายตัวของสื่อแบบเดิมก็ใช้เวลามากกว่าในการที่จะกระจายองค์ความรู้ออกไป เพราะสื่อเดิมมีข้อจำกัดในเรื่องของการเรียงตัวของข้อมูลที่ต้องถูกจัดเรียงไว้ก่อน และคนต้องเข้ามาดูในช่วงเวลานั้น
แต่การเรียนรู้เดี๋ยวนี้มันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เมื่อเข้าไปในโลกของ YouTube จะเห็นว่าองค์ความรู้มีอยู่มากมายมหาศาลทั้งในประเทศและต่างประเทศ แม้แต่ในโซเชียลมีเดียหรือในอินเทอร์เน็ตเองก็เริ่มมีบทบาท ซึ่งองค์ความรู้ต่าง ๆ ดังกล่าวเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เอง
ในยุคอินเทอร์เน็ตที่ทุกอย่างมัน unstructured มาก ไม่ว่าจะเป็นตอนไหน เวลาใด ทุกคนสามารถเข้าไปพร้อมกันได้ และสามารถดูตอนไหนก็ได้ จึงทำให้การเรียนรู้ของคนยิ่งมีความแตกต่าง มีการกระจายตัวมากขึ้น จะเรียนเมื่อไหร่ก็ได้ อีกทั้งความรู้ยังมีความหลากหลายและลงลึกมากขึ้น โดยเฉพาะในเชิงปฏิบัติผมเชื่อว่าเด็กสมัยนี้เก่งขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
เปิดใจ ยอมรับ และให้โอกาส
สิ่งเก่าที่คุณพ่อคุณแม่หรือคนรุ่นเดิมเคยยึดติดกันมา เช่น ต้องอ่านหนังสือ ต้องท่องสูตรคูณ หรืออะไรก็ตามที่เคยมองว่าเป็นการพัฒนาทักษะ อยากให้ท่านรู้ว่าการพัฒนาทักษะมันเปลี่ยนไปแล้วครับ เด็กรุ่นใหม่มีการเรียนรู้ในรูปแบบที่ไม่มีรูปแบบตายตัว เขาเติบโตมากับการเรียนรู้ในรูปแบบของวิดีโอที่เป็นภาพ เสียง และการเคลื่อนไหว บางทีอาจทำให้การเรียนรู้ดีกว่าการอ่านด้วยซ้ำไป เพราะการอ่านเราต้องจินตนาการทุกอย่างเอง แต่การเรียนรู้ด้วยวิดีโอ ด้วยเสียงต่าง ๆ มันทำให้การเรียนรู้พัฒนาไปได้รวดเร็วขึ้น เพราะการรับรู้มันต่างกันโดยสิ้นเชิง
จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเด็กรุ่นใหม่จึงเก่งขึ้น และไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเด็กรุ่นใหม่เวลาค้นหาข้อมูลจะหาจาก YouTube ก่อน นั่นเพราะเขาเคยชินกับการหาข้อมูลจากวิดีโอ ฉะนั้น องค์ความรู้ที่เด็กรุ่นใหม่ได้รับจะค่อนข้างกว้างไม่จำกัดแค่ในประเทศไทย
ผู้ใหญ่ที่เคยเติบโตมากับการเรียนรู้แบบเดิม ๆ กับรูปแบบสื่อหรือฟอร์แมตแบบเดิม ๆ ซึ่งเป็นองค์ความรู้ที่มีจำกัดและไม่มีความยืดหยุ่น คุณต้องรู้จักเปิดใจ ยอมรับ และเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ในวิธีการใหม่ ๆ ครูอาจารย์ ต้องเปลี่ยนรูปแบบการสอนไปเป็นวิธีใหม่ ๆ มันจะไม่ใช่แบบ one for all ที่อาจารย์หนึ่งคนจะสอนให้ทุกคนคิดแบบเดียวกัน แต่การเรียนรู้จะเปลี่ยนเป็น one to one คือเด็กแต่ละคนจะมีรูปแบบของตัวเอง
หากพวกเขารู้ตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่าชอบอะไร อยากเป็นอะไร หน้าที่ของพ่อแม่ผู้ปกครองก็จะชัดเจนมากขึ้น เราจะสามารถสนับสนุนลูกไปในทิศทางนั้นได้ดีและเร็วขึ้น เขาก็จะเป็นคนเก่งโดยที่ไม่ต้องไปรอจนถึงมหาวิทยาลัยหรือเรียนจบ