ผมกำลังสนใจเทคโนโลยีเรื่องของ Cloud เพราะตอนนี้ส่วนตัวกำลังย้ายระบบฐานข้อมูลทั้งหมดหรือ Data Center หรือ Server ที่เคยอยู่ในประเทศไทยกำลังย้ายขึ้นไปอยู่บนคลาวด์ของต่างประเทศ ฟังดูแล้วอาจจะเจ็บปวดแต่ก็มีความจำเป็นครับ

ถามว่าแล้วทำไมจึงต้องย้าย? 

ต้องเข้าใจเสียก่อนว่า เมื่อก่อนการทำธุรกิจทางด้านอินเทอร์เน็ตหรือบริษัทขนาดใหญ่หรือขนาดกลางก็ตาม ส่วนใหญ่จะมีซอฟต์แวร์ทางด้านอีซอฟต์แวร์ ซึ่งซอฟต์แวร์สมัยก่อนต้องติดตั้งไว้ในคอมพิวเตอร์ ต้องมีเซิร์ฟเวอร์แยกตามประเภท มีคอมพิวเตอร์ที่ต้องเปิดไว้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมงเพื่อให้ซอฟต์แวร์ทำงานได้ และต้องลงโปรแกรมไว้ใน Client แต่ละเครื่องด้วยเพื่อให้สามารถนำข้อมูลจาก Database ไปได้ 

ตอนหลังเริ่มเปลี่ยนไปเป็นซอฟ์แวร์ที่เป็นแบบ Web-based นั่นหมายถึงการทำงานที่ผ่านโปรแกรม Browser ที่อาศัยการเชื่อมต่อทางอินเทอร์เน็ต แต่อย่างไรก็ยังต้องมี Server จะเห็นว่าเมื่อก่อนบริษัทต่าง ๆ ต้องมีการลงทุนมหาศาลเพื่อตั้งห้องที่วางคอมขนาดใหญ่ ติดตั้งอินเทอร์เน็ตต่าง ๆ ต้องมีคนเก่ง ๆ คอยดูแลอยู่ตลอดเวลา ฯลฯ 

แต่แนวโน้มตอนนี้เปลี่ยนไปแล้วในแง่ของซอฟต์แวร์ เริ่มเปลี่ยนจากการต้องติดตั้งมาเป็นคลาวด์มากขึ้น และเช่นเดียวกันซอฟต์แวร์หลาย ๆ ตัวที่เคยอยู่ในบริษัทที่จำเป็นต้องไปเช่าเครื่องที่ Data Center ของบรรดาบริษัทที่ทำอินเทอร์เน็ตในสมัยก่อน เช่น อินเทอร์เน็ตประเทศไทย, KSC, ISSP, CS Loxinfo, A-Net ฯลฯ ถ้าจำกันได้เมื่อก่อนเราต้องซื้อแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตที่มีราคาค่อนข้างแพงมากทีเดียว จะใช้ทีหนึ่งก็ต้องมีการโทรเข้าไปที่ Data Center หรือ ISP คอมพิวเตอร์ยังต้องมีโมเด็มไว้ต่ออีกด้วย 

ฉะนั้น เมื่อก่อนจะมีผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหรือ ISP อยู่หลายเจ้า แต่ในช่วงหลัง ๆ นี้เราไม่ได้ต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน ISP เหล่านี้แล้ว บรรดา ISP ทั้งหลายเริ่มล้มหายตายจากไป บางกลุ่มเริ่มเปลี่ยนมาให้บริการอินเทอร์เน็ตตามบ้าน เช่น กลุ่มทรูที่เริ่มขยายใหญ่ขึ้น AIS ก็เข้ามาหรือ 3BB เอง ตอนนี้บอกได้เลยว่าผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหน้าเดิม ๆ ไม่ค่อยเหลือแล้ว 

แต่เมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไปและเริ่มมีผู้ให้บริการในลักษณะเป็น server as a service โดยเริ่มต้นจาก Amazon การเป็นผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซต้องมีการลงทุนใน Infrastructure หลายพันล้าน เขาจึงมีความคิดที่จะแบ่งเซิร์ฟเวอร์ที่มีอยู่จำนวนมหาศาลนั้นมาให้คนอื่นเช่าใช้ด้วย และจึงเริ่มเกิดแนวคิดสำหรับผู้ทำธุรกิจว่าแทนที่จะต้องลงทุนเซิร์ฟเวอร์เองทำไมไม่ไปเช่าใช้ของ Amazon ได้อยู่บนเน็ตเวิร์คที่เป็น Global Standard อย่างดี แถมยังจ่ายเงินตามการใช้จริง 

ธุรกิจคลาวด์แบบนี้เริ่มจาก Amazon เรื่อยมาจนถึงรายอื่น ๆ อย่าง Google, Microsoft และเจ้าใหญ่หลายเจ้าที่ตาม ๆ กันมา ที่สำคัญธุรกิจคลาวด์นี้ทำรายได้ให้กับ Amazon และ Google อย่างมากในปีนี้ด้วย

สิ่งที่ผมเห็นได้ชัดว่ากระทบกับธุรกิจไทยจริง ๆ คือจากเดิมที่ต้องวางเซิร์ฟเวอร์ไว้ในประเทศไทยและต้องลงทุนซื้อเซิร์ฟเวอร์เกือบ 100 เครื่อง แถมยังต้องมีคนคอยดูแลและคนเหล่านี้ก็หาได้ลำบากด้วย แต่เมื่อมีระบบคลาวด์ บางบริษัทในเครือของผมย้ายไปอยู่บนคลาวด์แล้ว จริง ๆ หลายหน่วยงานของรัฐบาลไทยก็ใช้คลาวด์ของ Amazon เช่นกัน

มองในแง่ของธุรกิจนั้นดี เพราะเมื่อพูดถึง Amazon, Google หรือ Microsoft มันมีความเป็น international standard แต่ในเรื่องของความปลอดภัยของข้อมูลอาจจะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ในแง่ของการลงทุนก็ถือว่าคุ้มเพราะเราไม่ต้องมาซื้อคอมพิวเตอร์หรือไม่ต้องรอในเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพอีกต่อไป ช่วยทั้งในเรื่องของต้นทุนเงินและเวลา 

ในมุมของผู้ประกอบการมันดูดีคือ ลงทุนน้อยลง จ่ายเงินตามการใช้งานจริง เปิดเพิ่มหรือลดลงตามจำนวนคนใช้งานได้ จ่ายจริงตามปริมาณการใช้งาน แต่ผลกระทบที่เห็นได้ชัดคือธุรกิจที่ให้บริการ Web Hosting คือรับฝากเว็บไซต์ ตอนนี้แทบจะหายไปหมดแล้ว ยิ่งเดี๋ยวนี้แนวโน้มผู้ให้บริการลักษณะนี้ในระดับโลกเริ่มเข้ามามากขึ้นและมีค่าบริการเพียงไม่กี่ร้อยบาท ทำให้นักพัฒนาของประเทศไทยเริ่มย้ายไปใช้จ่ายประเทศ เพราะถูกกว่า ประสิทธิภาพดีกว่า เสถียรภาพดีกว่า 

ฉะนั้น ในยุคนี้บอกได้เลยว่าธุรกิจที่ฝากข้อมูลไว้ในประเทศไทยที่เป็นรายเล็ก ๆ ล้มหายตายจากไปมากเลย ขณะเดียวกันที่เป็นรายใหญ่ก็เริ่มไปแล้วเช่นกัน รายใหญ่หลาย ๆ เจ้าที่ให้บริการ ISP ต่าง ๆ ต้องปรับตัวเองมาเป็น System Indicators คือต้องรับพัฒนาต่าง ๆ และก็ต้องทำคลาวด์ด้วยเหมือนกัน

ดังนั้น ตลาดจะแบ่งได้ชัดว่าหากเป็นลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ถ้าไม่อยากใช้ของต่างประเทศก็ต้องมาใช้บริษัทที่เป็น ISP ของประเทศไทย แต่บอกได้เลยว่าธุรกิจที่เป็น Data Center ที่เก็บข้อมูลต่าง ๆ ตอนนี้กำลังถูกต่างชาติกินมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเปรียบเทียบหลาย ๆ อย่างแล้วผมเองยังต้องไปใช้ของต่างชาติเลยครับ