ที่ผ่านมาหลายคนตื่นตัวเกี่ยวกับภัยด้านสุขภาพมากขึ้น ผมเองมีอาการไม่ค่อยสบายตัวนักหลังจากไปงานเลี้ยงหนึ่งมาและมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปด้วย จึงได้พยายามวิเคราะห์ตัวเองในขั้นแรกก่อนว่าตัวเองเป็นอะไรโดยลองใช้วิธีการแบบ Cloud Sourcing ดู
ผมแชร์ข้อมูลเบื้องต้นว่ามีอาการแบบนี้ ๆ อยากเห็นมุมมองของหลาย ๆ คนคิดว่าเราเป็นอย่างไรบ้าง ผมคิดว่าตัวเองเป็นปกติ แต่เมื่อแชร์ออกไปก็มีหลากหลายความคิดเห็น กรดไหลย้อนบ้าง โรคหัวใจบ้าง ฯลฯ คุยไปคุยมาผมว่าอาจจะเป็นกรดไหลย้อน แต่อย่างไรก็ตามผมว่าดีที่สุดควรต้องไปหาหมอเพื่อตรวจเช็กให้แน่ใจ
การที่ผมขอความคิดเห็นจากคนอื่นรอบ ๆ ตัวดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง ผมว่าทำให้ได้ข้อมูลหลากหลาย ทำให้เห็นว่า Data หรือข้อมูลที่หลั่งไหลเข้ามานั้นมีความสำคัญมากทีเดียว เพราะเมื่อมี data เข้ามาเยอะ ก็ทำให้เรามีข้อมูลในการตัดสินใจมากขึ้น แต่ผมไม่ได้แนะนำว่าต้องไปปักใจเชื่ออย่างใดอย่างหนึ่ง จากที่มีแค่ความคิดเห็นของตัวเองที่ได้จากการค้นหาผ่านอินเทอร์เน็ต เมื่อเรามีความเห็นจากคนรอบ ๆ ตัวที่เชื่อถือได้เพิ่มเข้ามา ยิ่งทำให้ข้อมูลเหล่านี้สามารถยืนยันได้ดีมากยิ่งขึ้น
ยิ่งเดี๋ยวนี้ก็มีอุปกรณ์ที่ช่วยตรวจเช็กสุขภาพได้ด้วยพวก wearable ต่าง ๆ ในช่วงที่ผมมีอาการไม่ค่อยดีนั้น ผมใช้ข้อมูลจากอุปกรณ์ที่ใส่ติดตัวอย่าง Samsung Watch, Apple Watch, Garmin ฯลฯ ดูข้อมูลย้อนหลังเกี่ยวกับเรื่องการเต้นของหัวใจจากอุปกรณ์เหล่านี้ จากที่รู้สึกว่าหัวใจมีจังหวะการเต้นประหลาดแต่เมื่อดูแล้วกลับปรากฏว่าหัวใจก็เต้นปกติดี อุปกรณ์เหล่านี้มีประโยชน์อย่างน้อยที่สุดผมอาจเทียบข้อมูลได้ในระดับหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่อุปกรณ์ทางการแพทย์ 100% แต่ก็บอกอะไรบางอย่างได้
หรือมีบางคนถามว่าผมนอนน้อยหรือเปล่า ด้วยความที่ผมใส่อุปกรณ์เหล่านี้นอนด้วยทุกคืน ผมก็ย้อนกลับไปดูอีกว่าในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นผมน้อยน้อยจริงหรือไม่ จะเห็นว่าผมมีข้อมูลยืนยันในเรื่องของพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้ตัวเอง เพราะเหล่านี้คือ data ล้วน ๆ ครับ เป็น data ที่ผมเริ่มเก็บเอง ทำให้รู้ว่าผมมีพฤติกรรมการนอนที่เพียงพอเป็นปกติ นี่คืดจุดเด่นของการใช้อุปกรณ์เหล่านี้ที่สามารถใช้กับร่างกายของเราได้จริง
นอกจากนี้ เรายังกลับไปเช็กในเรื่องของเวลาโดยดูจาก Google Map ย้อนกลับดูว่าเราใช้เวลาในงานต่าง ๆ นานเท่าใด ออกมาจากงานเลี้ยงตอนไหน ทั้งวันที่ผ่านมาเราไปไหนมาบ้าง เดินทางกี่โมงถึงกี่โมง ฯลฯ เพราะ Google Map นั้นเก็บข้อมูลเหล่านี้ไว้ทั้งหมด ดูได้จาก Google Timeline ผมกลับไปดูการใช้เวลาต่าง ๆ ของผม ข้อมูลต่างเหล่านี้ช่วยให้ผมประมวลผลหลาย ๆ อย่างได้เลย
อยากให้ทุกท่านกลับมามองตัวเองเช่นกัน เชื่อว่าบางท่านมีอุปกรณ์เหล่านี้อยู่แล้ว คำถามคือเมื่อเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้น หากเรามีอุปกรณ์เหล่านี้และมีข้อมูลบางอย่างของเราอยู่ จะทำให้เรานำมาวิเคราะห์เองได้ และเช่นเดียวกันเราสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ให้กับแพทย์ที่เราไปปรึกษาได้ เช่น ข้อมูลการนอนหลับ การเต้นของหัวใจ ฯลฯ มันจะง่ายขึ้น เร็วขึ้น และจะช่วยทำให้การวินิจฉัยของแพทย์แม่นยำมากยิ่งขึ้น
การวินิจฉัยของแพทย์นั้นต้องมี data ในบางครั้งเมื่อถามหาข้อมูลจากเรา เราอาจจำไม่ได้ แต่อุปกรณ์ที่ติดตามตัวเรานี้จะมีข้อมูลต่าง ๆ ในโลกอินเทอร์เน็ตที่เกี่ยวกับเราเข้ามาช่วยเสริม เช่น การเดินทางไปที่ไหน อยู่ในที่ใดบ้าง เรากินอะไรไปบ้าง ฯลฯ สามารถมองย้อนกลับไปได้ทั้งหมด นี่คือ Digital Footprint ชั้นดีที่เราสามารถมองย้อนกลับไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเชิงวิเคราะห์สุขภาพของตัวเอง เป็นการใช้เทคโนโลยีใกล้ตัวให้เกิดประโยชน์และใช้ได้ง่าย
จะเห็นว่าหลายคนมีอุปกรณ์อยู่แล้วแต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์เท่าที่ควร อยากให้ทุกท่านกลับมามองอีกมุมหนึ่งว่าเรามีข้อมูลอยู่ในมือแล้ว หรือบางท่านไม่มีอุปกรณ์เหล่านี้เลยแต่ใช้พวกนาฬิกาแพง ๆ แต่คำถามคือมันช่วยเราได้หรือเปล่า
ฉะนั้น ผมมองว่าอุปกรณ์เหล่านี้ช่วยเราได้มากเลยทีเดียว อย่างคุณพ่อผมท่านมีอายุมากพอสมควร ผมให้ใช้อุปกรณ์ประเภทนี้เช่นกัน เพราะบางรุ่นสามารถแจ้งเตือนได้หากมีการล้มหรือการกระแทกจะมีการส่งข้อมูลแจ้งเตือนมาถึงผมในตอนนั้นเลย ทำให้ผมทราบและติดต่อกลับไปสอบถามอาการได้รวดเร็วทันที
ผมอยากคนที่มีอุปกรณ์เหล่านี้ได้ใช้งานให้คุ้มประโยชน์ ใช้ให้ถึงจุดที่ควรจะใช้ เพราะมันช่วยชีวิตเราได้ ช่วยทำให้ราเข้าใจสุขภาพตัวเองได้ดีมากขึ้น หรือคนที่ไม่มีก็อยากบอกว่ามันช่วยชีวิตเราได้เยอะมากจริง ๆ จากที่เล่ามาทำให้ผมเองเห็นความสำคัญของอุปกรณ์เหล่านี้เยอะขึ้นมากเลยทีเดียวครับ