SHIPPOP เป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่ผมเข้าไปลงทุนตั้งแต่เริ่มต้น เพียง 5-6 ปีก็สามารถทำยอดขายได้ถึง 500 ล้านบาท เริ่มต้นจากเด็กหนุ่มที่มีอายุเพียงแค่ยี่สิบต้น ๆ จนถึงวันนี้ที่สามารถทำธุรกิจเติบโตได้ถึงขนาดนี้ 

ผมเองมีโอกาสได้ทำงานกับน้องคนนี้คือ โมชิ หรือคุณสุทธิเกียรติ จันทรชัยโรจน์ ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชิปป๊อป มาตั้งแต่เริ่มต้น SHIPPOP เป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่ทำเกี่ยวกับเรื่องขนส่ง ทำหน้าที่เชื่อมต่อทุกขนส่งเข้าด้วยกันภายใต้แพลตฟอร์มของ SHIPPOP 

ต้องบอกว่าตอนนี้ตลาดขนส่งค่อนข้างดุเดือด ซึ่งบางบริษัทกำไรลดลงกว่า 80-90% เลยทีเดียว ถือว่าคู่แข่งเยอะมาก แต่ SHIPPOP ทำธุรกิจแบบรวมขนส่งเข้าด้วยกันจึงมีความได้เปรียบ มีการลองถอดสูตรว่าทำไมธุรกิจ sme หรือธุรกิจสตาร์ทอัพที่เพิ่งเปิดมาแค่ไม่กี่ปี และทำโดยเด็กหนุ่มอายุน้อยสามารถทำธุรกิจให้โตได้ถึง 6,000% ผมอยากเอามาแชร์ให้ทุกท่านได้ทราบกันที่นี่

1. โฟกัสที่ธุรกิจ

CEO คุณโมชิเป็นคนที่ไฟแรงมาก ลุยไปทุกที่ และโฟกัสในธุรกิจนี้มาก ๆ ทำแต่เรื่องขนส่งอย่างเดียว ปัญหาของคนทำธุรกิจบางคนคือไม่ได้โฟกัส คือบางคนเห็นโอกาสอะไรก็อยากทำเต็มไปหมดจึงไม่ค่อยได้โฟกัสแต่ละอย่างมากเท่าไหร่ ผมจำได้ว่าตอนเริ่มต้นคุณโมชิทำงานแทบจะ 24 ชม.เลย เป็นคนที่มีแพชชันอย่างมาก เป็นคนที่ค่อนข้างจะตื่นตัว มุ่งมั่น และธุรกิจคือชีวิตของเขาเลย

2. ประหยัด

เขาเป็นคนที่ทำธุรกิจแล้วค่อนข้างประหยัดมาก พยายามจะเก็บเงินสดเอาไว้ ค่อนข้าง concern เรื่องการใช้เงิน จนทุกวันนี้บริษัท  SHIPPOP เรียกได้ว่าค่อนข้างมีกระแสเงินสดเป็นบวกและมีเงินสดอยู่ในบริษัทเยอะมากเลยทีเดียว ฉะนั้นเรื่องของ cash flow เป็นเรื่องที่สำคัญมาก

3. เรื่องของทีม

ปัญหาของหลายธุรกิจคือเรื่องของทีมงาน ในช่วงเริ่มต้นของเขาก็มีการจ้างเด็ก ๆ เข้ามา จ้างแรงงานที่ราคาไม่แพง ผมก็ให้คำแนะนำว่าอย่าจ้างเด็กถ้าต้องการที่จะโต ต้องจ้างคนเก่ง อย่าจ้างคนที่ราคาถูก 

จากประสบการณ์คนที่ราคาถูกนั่นก็เพราะเขาเพิ่งเริ่มต้นทำงานทำให้ราคาเขาไม่แพง แต่ปัญหาคือคุณจ้างคนที่ไม่มีประสบการณ์เข้ามาทำงานให้ จึงมีค่าใช้จ่ายที่มองไม่เห็นคือการที่คุณต้องลงไปสอนเขาเทรนเขาเพื่อให้เขาเก่งขึ้น แทนที่จะเอาเวลาไปทำอย่างอื่นก็ต้องเอาไปสอนเด็กหมด ตอนหลังเขาเริ่มจ้างคนเก่งเข้ามาทำให้เขาสบายขึ้นมาก 

นี่เป็นปัญหาของ sme ไทย หนึ่งหากเราจ้างคนที่ไม่เก่งเราก็ต้องใช้พลังกับคนเหล่านี้เยอะ ก็เท่ากับใช้เวลาของเราไปมาก สองบางครั้งคุณไมกล้าปล่อยมือ กลัวว่าจะเกิดความผิดพลาด คุณต้องกล้าปล่อยให้ทีมกล้าคิดกล้าลองทำเอง และถ้าคุณไม่ยอมปล่อยและงานไปรวมอยู่ที่คุณ คนเก่ง ๆ ก็จะไม่ยอมอยู่กับคุณเพราะเขาไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้เลยทำให้ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน สามต้องมีทีมที่เก่ง กล้าลอง ต้องล้มเร็วและลุกเร็ว 

4. Coachable

เขาเป็นคนที่แนะนำอะไรไปแล้วรับฟัง ไม่ใช่คนที่น้ำเต็มแก้ว เป็นคนที่มีมายด์เซตเป็นคนคิดบวก รับฟัง เชื่อ และทำทันที ไม่ต้องรอเวลา บางอย่างอาจถูกหรือไม่ถูกบ้าง แต่ถ้าไม่ถูกจะมีการปรับตัวเองตลอดเวลา ทำให้ธุรกิจของเขามีไดนามิกส์คือมีการปรับตัวเองตลอดเวลา 

5. มีมารยาทและใจเย็น

ค่อนข้างที่จะเป็นคนที่ nice มาก เมื่อผู้บริหารเป็นคนที่มี attitude ดี เวลาไปคุยกับใครทุกคนก็จะรู้สึกเอ็นดู อยากช่วยเหลือ หากเราแข็งเกินไป การทำงานกับพาร์ทเนอร์อาจเป็นเรื่องที่ลำบากเหมือนกัน 

6. ทีมพัฒนางานหรือทีมเบื้องหลังค่อนข้างจะแข็งแรง

จุดสำคัญของธุรกิจคือการมีทีมงานที่เก่ง ไม่ใช่เก่งคนเดียว จุดนี้จะทำให้องค์กรเติบโตได้เร็ว ตอนนี้ SHIPPOP มีพนักงานเกือบร้อยคนแล้วในระยะเวลาอันสั้น ๆ และเป็นคนรุ่นใหม่ทั้งนั้น จุดเด่นคือพวกนี้เป็นพวกที่มีไฟ มีพลัง และยิ่งมีคนที่มีประสบการณ์เข้ามาช่วยด้วย ธุรกิจนี้ก็จะยิ่งโต 

7. Attitude ในการทำงานที่ดี

บางคนทำงานไปบ่นไป เขามองว่าการแก้ปัญหาคือโอกาส ผมพยายามที่จะสอนน้อง ๆ ว่าเมื่อใดก็ตามที่เจอปัญหาหรือความท้าทาย ผมเองจะไม่พูดคำว่า ยาก เป็นไปไม่ได้ ทำไม่ได้ เหนื่อย ฯลฯ เพราะเมื่อใดเจ้าของบริษัท หรือหัวหน้าทีมพูดคำเหล่านี้ ทั้งองค์กรหรือทั้งทีมจะมองว่ายากทันที เป็นไปไม่ได้ตามไปด้วย 

คำเหล่านี้คือคำที่ถ่วงความเจริญ เป็นคำที่ทำให้เราถอยหลัง ผมจะไม่พูดคำเหล่านี้และเปลี่ยนไปพูดคำว่า ถ้ามันยากจะใช้ว่า ท้าทาย จะทำให้รู้สึกว่ามีโอกาสที่จะทำให้สำเร็จได้ คำพูดที่ออกจากปากหัวหน้าหรือผู้นำเป็นสิ่งที่สำคัญนะครับ เมื่อใดที่มี attitude หรือมีมุมมองของปัญหาที่ดี จะทำให้พร้อมสู้อยู่เสมอ 

8. การสร้างคนเก่ง

หลายองค์กรผู้นำมีแต่ข้างบนและข้างล่างแต่ตรงกลางไม่มี คนเก่ง ๆ ตรงกลางไม่มี หัวหน้าระดับบนต้องคอยมาดูแลเองทุกอย่างนี่คือปัญหา แต่หากให้คนเก่งมาอยู่ข้าล่าง มาทำงานแทนได้ ทำหน้าที่กำกับดูแลแทนได้ คุณต้องเพิ่มพนักงานระดับกลางเข้ามา คิดแทนได้ ให้อำนาจในการตัดสินใจแทนได้ ไม่เช่นนั้นทุกอย่างจะวิ่งกลับไปหาคุณเหมือนเดิม

9. การปรับตัวอยู่เสมอ

SHIPPOP มีการปรับตัวเองอยู่ 3 รอบในช่วง 5 ปี ช่วงแรกเป็นเว็บไซต์ธุรกิจส่งของธรรมดา ช่วงที่สองเมื่อคู่แข่งเริ่มเยอะก็เริ่มปรับโมเดลตัวเองเป็นร้านค้าส่งสินค้าซึ่งตอนนี้มีเป็นพันสาขาทั่วประเทศไทย ตอนนี้ธุรกิจเริ่มเปลี่ยนเข้าสู่ยุคที่สามแล้ว 

นี่คือธุรกิจที่ใช้เวลาแค่ 5 ปีแต่มีไซเคิลเป็นของตัวเอง ปรับตัวเองมา 3 รอบแล้ว บางคนทำธุรกิจมาเป็นสิบ ๆ ปีลองถามตัวเองว่าธุรกิจเคยมี big change หรือไม่ เคยปรับโมเดลของตัวเองหรือไม่

ทั้งหมดนี่คือสูตรความสำเร็จว่าทำไม ธุรกิจเกิดใหม่ที่บริหารโดยเด็กอายุ 24 ปีและเริ่มจากคนคนเดียวจึงสามารถทำรายได้ถึง 500 ล้านบาทในเวลาอันสั้น ผมอยากให้ทุกท่านลองเอาไปปรับใช้ดูกับธุรกิจของคุณ น่าจะมีประโยชน์ครับ