ผมเปิดหลักสูตรด้านดิจิทัลชื่อว่า DEF ทำร่วมกับมหาวิทยาลัยศรีปทุม หัวข้อที่ผมเชิญวิทยากรมาพูดที่น่าสนใจจะมาแชร์ให้ฟังครั้งนี้เป็นเรื่องของ Metaverse โดยคุณเสถียร บุญมานันท์ จาก Metaverse XR เป็นผู้คร่ำหวอดในวงการเกมชื่อว่า Neolution Esport เป็นคนไทยคนแรก ๆ ที่ทำเกี่ยวกับเรื่อง Esport และอุปกรณ์เกม
เมื่อมี Metaverse เข้ามาก็เริ่มปรับตัวเข้าสู่โลก Virtual Reality (VR) และเริ่มโฟกัสในเรื่องของ Metaverse แบบจริงจังจนตอนนี้เปิดบริษัทที่ชื่อว่า Metaverse XR แม้เปิดมาเพียงไม่กี่เดือนแต่ผมเข้าใจว่าสามารถระดมเงินได้สองร้อยกว่าล้านแล้ว โดยบริษัทนี้โฟกัสที่จะทำเกี่ยวกับ Metaverse โดยเฉพาะเลย
ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า Metaverse คืออะไรและเป็นแบบไหนก่อน ผมอยากให้ทุกคนลองดูหนัง 3 เรื่องที่พูดถึงเรื่องของ Metaverse คือ Ready Player One, Memories of the Alhambra และ Free Guy ใน Netflix หรือ Youtube น่าจะพอหาดูตัวอย่างได้อยู่ จะทำให้พอเห็นภาพและเข้าใจในเรื่องของ Metaverse มากขึ้น
จริง ๆ แล้ว Metaverse มีมานานแล้ว เช่น ในเกมที่ชื่อ Second Life เติบโตสูงมากในช่วงปี 2003-2008 ถือเป็นเกม Virtual ที่ให้คนเข้าไปอยู่ในโลกนั้น มีการเล่นและใช้ชีวิตในโลกนั้นจริง ๆ แต่หลังจากนั้นคนเริ่มเล่นน้อยลงเพราะเกมไม่สามารถรักษาจำนวนคนให้อยู่ในเกมได้
นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เห็นว่ามีเกมที่คนสามารถเข้าไปอยู่ในโลกเหล่านั้น ใช้ชีวิตแบบต่าง ๆ ได้ ถ้าพูดถึงในโลกของเกมเป็นโลกหนึ่งที่หลายคนใช้ชีวิตอยู่ในนั้น เล่นเกมทั้งวันทั้งคืน เดี๋ยวนี้เกมในโลกยุคใหม่ไม่เหมือนเมื่อก่อน เกมออนไลน์มีคนทั่วโลกทั่วประเทศที่สามารถมาร่วมเล่นกับเราได้ แต่ลักษณะของเกมยังไม่เป็นภาพเสมือน ยังเป็นภาพแบบเกมมากกว่า แต่ตรงนั้นถือว่าได้เกิดอีกโลกหนึ่งขึ้นมาแล้วแต่ยังอยู่ในโลกของเกม
ฉะนั้น สิ่งที่คุณเสถียรสรุปมาได้น่าสนใจว่า Metaverse คืออะไร ในความหมายของเขา เขาได้พูดถึงเรื่อง Virtual Reality คือโลกเสมือนแห่งความเป็นจริง บวกกับเทคโนโลยี Blockchain หรือเทคโนโลยีที่เป็น Digital Asset สินทรัพย์ดิจิทัลที่เคยเขียนไปแล้ว
เมื่อก่อนเกมเหล่านี้มีไอเทมต่าง ๆ เช่น ดาบ ปีน ฯลฯ เมื่อเข้าสู่เทคโนโลยีของ Blockchain เข้าสู่เทคโนโลยีของ NFT ไอเทมแต่ละอันที่ถูกสร้างขึ้นมาในเกมจะมีความเป็นยูนีค หมายถึงถ้าดาบมี 100 อันก็จะมีเท่านั้น ไม่สามารถถูกสร้างเพิ่มได้แล้ว มันเริ่มมีคุณค่า เริ่มซื้อมาขายไปได้ สินค้า NFT เริ่มผนวกกับการเป็นระบบนิเวศของเกมหรือเทคโนโลยีที่เป็น Metaverse
มีคนไทยกลุ่มหนึ่งเป็นเด็กไทยที่ทำซอฟต์แวร์เกี่ยวกับการขายโฆษณาในโลก Virtual เหมือนการเดิน ๆ แล้วจะมีโฆษณาปรากฏให้เห็นในโลกเสมือนนี้ เป็นบริษัทของคนไทยอยู่ในซิลิคอนวัลเลย์ชื่อ Omniverse ล่าสุดบริษัทนี้ถูกเฟซบุ๊กซื้อไปแล้ว
น้อง ๆ กลุ่มนี้ทำเทคโนโลยีที่นำหน้ามาก เขาทำแพลตฟอร์มขายโฆษณาในโลก Virtual ทำให้เขาสามารถบริหารโฆษณาในโลก Virtual ได้ นั่นคือระบบนิเวศที่จะทำให้โลกเสมือนสมบูรณ์แบบได้ มีองค์ประกอบหลายอย่าง
ผมมีโอกาสคุยกับบริษัทคนไทยทำเกี่ยวกับการทำเร็นเดอร์หรือทำภาพสามมิติ หลายคนไม่รู้ว่างานคอมพิวเตอร์กราฟิกหลาย ๆ ชิ้นที่เราดูในหนังเป็นฝีมือของบริษัทไทย บริษัทไทยหลายแห่งรับงานสร้างภาพเสมือนหรือคอมพิวเตอร์กราฟิกให้กับฮอลลิวูด
ผมได้คุยกับผู้บริหารของ The Monk Studios ได้เห็นว่าภาพการทำภาพสามมิติกับ Metaverse นั้นใกล้กันมาก เพราะการสร้างโลกเสมือนถูกสร้างด้วยโปรแกรมสร้างวัตถุสามมิติให้เหมือนจริงที่สุด ฉะนั้นบริษัทเหล่านี้จะเข้าสู่ Metaverse มากขึ้น
หากใครทำธุรกิจทางด้านสามมิติ ตอนนี้แนวโน้มของคุณคือ Metaverse คุณต้องใช้พละกำลังในการสร้าง Metaverse ขึ้นมา ซึ่งปัจจุบันก็มีคนไทยพยายามสร้าง Metaverse ของตัวเองขึ้นมา เช่น Metaverse Thailand ที่เราสามารถเข้าไปซื้อที่ดินในโลกเสมือนได้ ซื้อมาขายไปได้เหมือนจริง แต่ข้างหลังที่ดินนั้นคือ NFT
ในขณะเดียวกันก็มีผู้บริหารร้านกาแฟที่ชื่อ Class Cafe อยู่ที่โคราช หรือคุณมารุตก็ได้สร้าง Metaverse ของตัวเองขึ้นมาชื่อ Velaverse ข้างในก็เป็นโลกเสมือนที่สามารถซื้อบ้าน ที่ดิน อาคาร ฯลฯ เราซื้อและเป็นเจ้าของสินทรัพย์ในโลกเสมือนนั้นได้
จะเห็นว่าเมื่อพูดถึง Metaverse แล้วไม่ได้ประกอบไปด้วย Virtual Reality เพียงอย่างเดียว มันประกอบไปด้วย Blockchain, Digital Asset, ระบบนิเวศต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการทำธุรกิจในโลก Virtual ทั้งหมดนี้คุณเสถียรพูดได้น่าสนใจ เขาเรียกว่า Social Media 3.0
มันคืออีกระดับหนึ่งของโซเชียลมีเดีย นั่นเป็นสาเหตุที่ว่าทำไม Meta จึง reposition ตัวเองกระโดดเข้าไปใน Metaverse เป็นการกระโดดเข้าไปในธุรกิจใหม่หลังจากที่ผ่านมาเฟซบุ๊กเละตุ้มเป๊ะมาก เฟซบุ๊กกำลังพยายามสร้างโลกเสมือนขึ้นมา
การสร้าง Metaverse เหมือนการสร้างโลกของตัวเองขึ้นมา การที่คนอื่นจะเข้ามาอยู่ในโลกของเราเขาได้ประโยชน์อะไร ต้องมีแรงจูงใจ 3 C ด้วยกัน
- C 1 คือ Content ถ้าในเวิร์สมีเนื้อหามากมาย มีอะไรที่คนอยากเข้ามาดู คนก็แห่เข้ามา
- เมื่อมีคอนเทนต์เยอะ C 2 ก็ตามมาคือ Community จะมีคนมาพูดคุย มาดูคอนเทนต์ ฯลฯ
- และจะเกิด C 3 คือ Commerce การค้าขึ้นมา
โซเชียลมีเดียคือโลกเก่าแล้ว เฟซบุ๊กจะสร้างโลกใหม่ ฉะนั้น Virtual Reality หรือ Metaverse ที่เฟซบุ๊กกำลังสร้างขึ้นมานั้น สิ่งที่เฟซบุ๊กเดิมพันสูงก็คือเขามีคนเป็นพัน ๆ ล้านคนในแพลตฟอร์มจะมีความได้เปรียบ เมื่อเฟซบุ๊กเริ่มสร้าง Metaverse ขึ้นมา สิ่งที่เฟซบุ๊กพยายามทำ เขาไม่ได้ทำแค่แพลตฟอร์มเท่านั้น แต่กระโดดลงไปทำเรื่องฮาร์ดแวร์ด้วยคือตัวกล้อง
เฟซบุ๊กได้ไปซื้อกิจการที่ทำกล้องที่เข้าไปในโลกเสมือนได้ชื่อ Oculus ซึ่งโอคูรัสจะพาคนทั้งโลกเข้าไปใน Metaverse ของเฟซบุ๊กได้ เมื่อตัวเองมีพร้อมทั้งคนเป็นพัน ๆ ล้านคน มีฮาร์ดแวร์พร้อมแล้ว สิ่งที่ต้องทำคือสร้างโลกขึ้นมาแล้วดึงคนเป็นพัน ๆ ล้านคนเข้ามาอยู่ในโลกที่สร้างนี้
คิดดูว่าเมื่อคนเป็นพัน ๆ ล้านคนเข้ามาอยู่ในโลกที่เฟซบุ๊กเป็นคนสร้างจะเป็นอย่างไร ทุกอย่างจะอยู่ในมือของเฟซบุ๊กหมดทุกอย่าง ทั้งการค้า การเรียน ฯลฯ การควบคุมโลกได้คือการเดิมพันครั้งใหญ่ เขาถึงใช้เงินมหาศาลมากในการลงทุนกับ Metaverse เขาคิดว่าต้องเป็นคนแรก ๆ ที่กระโดดไปทำเรื่องนี้
ตอนนี้ในโลก Metaverse มีระบบนิเวศหลายอย่าง หนึ่งคือคนทำกล้อง บางคนทำอุปกรณ์ในการควบคุม บางคนทำซอฟต์แวร์ในการสร้างพวกภาพสามมิติ บางคนทำเป็นระบบ maping ฯลฯ ฉะนั้นในการที่จะเกิด Metaverse จะมีองค์ประกอบ มีพาร์ทเนอร์ มีบริษัทต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อทำให้เกิดโลกโลกหนึ่งขึ้นมาได้
สิ่งที่ผมสนใจมาก ๆ คือเขาให้ผมดูกราฟมาร์เก็ตไซส์ของ Metaverse ในโลกเทรนด์ตอนนี้ยังไม่เยอะเท่าไหร่ แต่มีการคาดการณ์ว่าหลายปีต่อจากนี้ไปจะโตขนาดไหน ปี 2021 มาร์เก็ตไซส์ของ Metaverse อยู่ที่ประมาณ 148 $ billion แต่อีก 8 ปีข้างหน้าในปี 2030 มาร์เก็ตไซส์ของ Metaverse จะขึ้นไปทั้งหมดประมาณ 1,500 $ billion จะโตเป็นสิบเท่า
ผมเคยเห็นกราฟลักษณะนี้มาก่อนในยุคที่โทรศัพท์มือถือกำลังเข้ามาและมีคนบอกว่าโทรศัพท์มือถือจะเติบโตมาก ๆ ซึ่งวันนั้นโทรศัพท์ในมือผมคือโนเกียยังต่อเน็ตไม่ได้ ในตอนนั้นผมนึกไม่ออกว่ามือถือจะทำทุกอย่างได้อย่างไร ซื้อขายสินค้า การเรียน ฯลฯ
และอีกกราฟหนึ่งคือโซเชียลมีเดียที่ย้อนกลับไป 8-9 ปีก่อน มีคนบอกว่าต่อไปโฆษณาจะไปอยู่ในโซเชียลมีเดียและโซเชียลมีเดียจะโตแบบทะลุทะลวง ผมมองว่าจะเป็นไปได้อย่างไร ตอนนี้โซเชียลมีเดียกลายเป็นสิ่งที่คนทั้งโลกใช้
กราฟของ Metaverse เองก็เป็นแบบเดียวกัน แต่อีก 8-9 ปี Metaverse จะกลายเป็นทุกอย่าง ผมผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาหลายครั้งจนเริ่มเชื่อแล้วว่า Metaverse จะกลายเป็น the next big thing ที่กำลังเริ่มเข้ามาแล้ว เพราะตอนนี้ทุกคนเริ่มพูดถึงกัน นี่คือโอกาสของ Metaverse ที่อยากให้ทุกคนเห็นภาพ
แต่ Metaverse วันนี้ยังมีจุดอ่อน ผมว่ามันคงไม่ได้เกิดขึ้นในเร็ววันเพราะมีข้อจำกัดหลายอย่างคือ หนึ่ง แว่นตา Oculus ยังมีราคาสูงแต่หาซื้อได้ในมาร์เก็ตเพลส และสิ่งที่กำลังจะมาคือ Apple กำลังจะเปิดตัวเทคโนโลยี Metaverse ของตัวเองด้วยเหมือนกัน
ฉะนั้น เมื่อ Apple มาตลาดตื่นแน่ เฟซบุ๊ก กูเกิล ไมโครซอฟท์มาแล้ว เมื่อยักษ์ใหญ่ทางด้านเทคโนโลยีกระโดดเข้ามา หรือแม้แต่ Xiaomi ที่บอกว่าจะผลิตแว่นตา Metaverse แบบจับต้องได้ และเมื่อเทคโนโลยี Augmented reality ที่ทุกคนคาดการณ์ว่าต่อไปไม่ต้องใส่กล้องแล้วแต่จะกลายมาเป็นคอนแทกเลนส์แทน ในเชิงเทคโนโลยีของ Metaverse เริ่มเข่ามาแล้ว
ในเชิงของธุรกิจ เราจะประยุกต์ธุรกิจของเราเข้าไปสู่ Metaverse ได้อย่างไร ธุรกิจแรก ๆ ที่เข้าไปสู่ Metaverse คือ เกม และธุรกิจในเชิงสุขภาพ มีความได้เปรียบ กลุ่มพวกแฟชั่น ต่อไปคนจะเริ่มมาซื้อเสื้อผ้าใน Metaverse เราจะเป็นอะไรก็ได้ ในแง่ของสินทรัพย์ดิจิทัล คนที่เป็นอาร์ติสท์มีความได้เปรียบ
เมื่อก่อนเราเคยชินกับการจ่ายเงินกับสิ่งที่จับต้องได้ แต่เมื่อ Metaverse มาเราจะเริ่มคุ้นเคยกับการจ่ายเงินกับสินทรัพย์ที่เป็นดิจิทัลจริง ๆ แล้ว ผมจะสรุปอุตสาหกรรมที่มาแน่คือ วิดีโอเกม งานประชุม คอนเสิร์ต กีฬา การค้า ฟิตเนสคลาส การศึกษา หรือท่องเที่ยว โอกาสของ Metaverse จะเป็นเรื่องของประสบการณ์ที่คนไปอยู่ที่ไหนก็ได้ในโลกที่เราสร้างขึ้นมา
เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องใหม่ที่อยากให้ทุกคนเข้าใจ หากมีโอกาสลองไปซื้อแว่นตา Oculus มาลองใช้ดู หรือเดี๋ยวนี้มีพวกบูธที่มีแว่นตาให้เราลองใส่เข้าไปในอีกโลกได้เลย แค่ฟังที่คนเล่าคุณจะไม่มีวันเข้าใจหรอกครับ และโอกาสทางธุรกิจมากมายมหาศาลจะอยู่ในโลกนั้นครับ