หากสังเกตจะพบว่าโลกในวันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปเร็วมากในเวลาเพียงไม่กี่ปี ย้อนไปราว 20-30 ปีก่อนเทคโนโลยีบางอย่างที่เกิดขึ้นที่เมืองนอกนั้นใช้เวลานานมากกว่าจะถึงเมืองไทย แต่วันนี้เวลาเพียงชั่วข้ามคืนสิ่งต่าง ๆ ก็เดินทางมาถึงบ้านเราแล้ว ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เทคโนโลยีเติบโตเร็วขึ้นก็คืออินเทอร์เน็ต

ทุกปี Gartner ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาระดับโลกจะวิเคราะห์ถึงแนวโน้มของเทคโนโลยีที่สำคัญต่อธุรกิจ ซึ่งในปี 2022 นี้ Gartner ได้วิเคราะห์ถึงแนวโน้มเทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ว่าจะมีเทคโนโลยีใดบ้าง

แนวโน้มเชิงกลยุทธ์ที่น่าสนใจคือ

1. Data Fabric ทุกคนทราบอยู่แล้วว่าจะทำอะไรก็ตามก็ต้องมีข้อมูล เมื่อมีข้อมูลก็สามารถบริหารจัดการได้ ในยุคนี้ข้อมูลทุกอย่างถูกแปลงเป็นดิจิทัลทั้งหมด Data Fabric ก็คือข้อมูลในยุคนี้จะเริ่มมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ไม่เป็นข้อมูลที่ตายตัวอีกต่อไปแล้ว ฉะนั้น การทำธุรกิจวันนี้ต้องรู้ว่าข้อมูลอยู่ที่ไน จะสามารถดึงข้อมูลมาใช้ได้อย่างไร และข้อมูลต่าง ๆ ไม่ใช่ข้อมูลที่ตายตัว 

ณ วันนี้การตัดสินใจหรือการทำธุรกิจไม่ได้วัดกันด้วยประสบการณ์หรือความเก่งอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว ผู้บริหารในวันนี้การตัดสินใจต้องมีข้อมูลและยิ่งคุณมีประสบการณ์ที่ยาวนานจะทำให้การตัดสินใจแม่นยำมากขึ้น Data Fabric ตรงนี้สำคัญ ข้อมูลต้องลื่นไหล หันกลับมาดูว่าทุกวันนี้เรายังธุรกิจแบบเดิมอยู่หรือเปล่า วันนี้เรามีข้อมูลในการช่วยตัดสินใจอยู่ไหม

2. Cybersecurity ความปลอดภัยในเรื่อง Cybersecurity เป็นเทรนด์ของธุรกิจในปีนี้และปีหน้า ประเทศไทยกำลังจะประกาศเรื่องกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) สังเกตว่าตอนนี้เรายกธุรกิจต่าง ๆ เข้าไปอยู่ในออนไลน์หมดแล้ว แต่หากเราไม่มีความปลอดภัยในเรื่องของการเก็บข้อมูล การเก็บข้อมูลหรือการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลกลายเป็นสิ่งจำเป็นมากที่เราต้องให้ความสำคัญ

3. Privacy เรื่องของความเป็นส่วนตัว อีกไม่กี่เดือนกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้กำลังมีการบังคับใช้ ผมเริ่มเห็นโฆษณาต่าง ๆ ที่ให้บริการเกี่ยวกับการปรับปรุงกฎระเบียบต่าง ๆ ของบริษัทเพื่อให้รองรับกับกฎหมายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาองค์กรต่าง ๆ ได้มีการปรับตัวเองเกี่ยวกับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล จะเห็นว่าหลายองค์กรมีการส่งข้อความกลับไปหาลูกค้าเกี่ยวกับการขออนุญาตในการใช้ข้อมูล ต้องฝากถึงท่านที่เป็นเจ้าของธุรกิจว่าวันนี้มีการจัดการบริหารข้อมูลลูกค้าดีแล้วหรือยัง

4. Cloud-Native Platforms การทำงานจะอยู่บนคลาวด์แล้ว เมื่อก่อนเราอาจทำงานโดยการติดตั้งซอฟต์แวร์แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว ลักณะซอฟต์แวร์เดี๋ยวนี้เริ่มเป็น cloud base ก็คือทุกอย่างอยู่บนคลาวด์บน ไม่ต้องซื้อซอฟต์แวร์ ไม่ต้องจ่ายเงิน ไม่ต้องติดตั้ง จ่าายเงินครั้งเดียวล็อกอินใช้ได้เลย ไม่ต้องลงโปรแกรมอะไรแค่มีเบราเซอร์ก็เข้าไปใช้งานได้แล้ว 

ฉะนั้นต้องกลับมาถามตัวเองว่าซอฟต์แวร์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันยังเป็นแบบเก่าอยู่หรือไม่ สมควรเปลี่ยนแล้วหรือยัง หรือบางทีผู้ให้บริการเหล่านั้นอาจมีเวอร์ชันใหม่ออกมาแล้วเป็นเวอร์ชันคลาวด์ที่สามารถยกตัวเองออกไปได้ เพราะถ้าใช้ซอฟต์แวร์แบบเดิมอาจมีเรื่องของ security ต้นทุนในการบริหารจัดการ แต่หากขยับตัวเองขึ้นไปอยู่บนคลาวด์จะเป็นแค่การจ่ายเมื่อใช้งานเท่านั้น

 5. ซอฟต์แวร์ในยุคต่อไปจะเป็นซอฟต์แวร์ที่เอามาประกอบร่างกันได้ เช่น ใช้ซอฟต์แวร์ระบบบัญชีออนไลน์ของสตาร์ทอัพเด็กไทยชื่อว่า PEAK และอยากใช้ซอฟต์แวร์เกี่ยวกับงานบุคคลและเพย์โรลที่ชื่อว่า Makub ปรากฏว่าซอฟต์แวร์ทั้งคู่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่เดี๋ยวนี้ซอฟต์แวร์สามารถประกอบกันได้ จึงสามารถเชื่อมต่อรายชื่อพนักงานในระบบบัญชีของ PEAK กับระบบการจ่ายเงินเดือนของ Makub ได้ ทุกอย่างสามารถเชื่อมโยงเข้าด้วยกันหมด วันนี้ซอฟต์แวร์ต่าง ๆ สามารถทำงานร่วมกันได้ พยายามเลือกซอฟต์แวร์ให้ถูกต้องก็แล้วกัน

6. ยุคนี้การตัดสินใจต้องเป็น Decision Intelligence ก็คือการตัดสินใจที่มีการจำลอง simulations ขึ้นมา ก่อนตัดสินใจอะไรบางอย่างต้องมีการนำข้อมูลมาวิเคราะห์เสียก่อน ผู้บริหารยุคใหม่จะมีการจำลองแบบต่าง ๆ ทำขึ้นมาให้เห็นชัดเจน การตัดสินใจจะง่ายมากขึ้นเยอะเลยทีเดียว ฉะนั้นในเชิงการตัดสินใจวันนี้จะไม่ใช่แค่ decision อย่างเดียวมันต้อง intelligence ต้องฉลาด มีเครื่องมือ มี data ไว้ด้วย

 7. Hyperautomation เป็นเทรนด์ที่น่าสนใจมากทีเดียว คือการทำงานในวันนี้จะเป็นอัตโนมัติมากขึ้น เดียวนี้การทำงานอยู่บนออนไลน์เป็นอัตโนมัติได้หมดแล้ว เช่น เมื่อก่อนขั้นตอนในการลางานครั้งหนึ่งอาจใช้เวลาเป็นวัน แต่เดี๋ยวนี้เป็นการลาโดยใช้ซอฟต์แวร์เข้ามาช่วย ลาในระบบออนไลน์กดปุ่มขอลาไม่กี่ครั้ง ระบบจะทำงานทั้งหมดเสร็จได้ในเวลาไม่กี่นาที ซอฟต์แวร์เดี๋ยวนี้แค่หลักร้อยบาทต่อคนเท่านั้นเองด้วย ถูกมาก ใครที่สนใจมีซอฟต์แวร์ที่ชื่อ Makub.me เป็นซอฟต์แวร์บริหารงานบุคคล ใช้ฟรีหากองค์กรของคุณมีคนไม่เกิน 10 คน มีให้ใช้ครบ

8. AI Engineering คือการนำ AI หรือปัญญาประดิษฐ์เข้ามาใช้กับธุรกิจ ฟังดูอาจจะไกลตัวมาก จริง ๆ AI อยู่ใกล้ตัวเรามาก ในโปรแกรม excel ก็มี AI อยู่แล้วในกลุ่มคำสั่งมาโคร ฉะนั้นข้อมูลในธุรกิจบางอย่างต้องทำคือ 1. พยายามให้เป็น paperless 2. นำซอฟต์แวร์เข้ามาใช้

เมื่อนำซอฟต์แวร์มาใช้และเป็นดิจิทัลมากขึ้น ข้อมูลในองค์กรของคุณจะกลายเป็น data และจะเริ่มนำมาวิเคราะห์ สามารถทำงานเป็น automate ได้ก็สามารถนำ AI เข้ามาจับ สอนให้มันเรียนรู้การทำงานได้ หากสนใจในกูเกิลมีการสอนเรื่อง AI ฟรี ชื่อบริการว่า ai.google/education และเครื่องมือหลาย ๆ ตัวที่เราสามารถมาฝึกให้เข้าใจได้ เมื่อเข้าใจเรื่อง AI การทำงานในองค์กรที่ต้องทำงานซ้ำ ๆ คุณจะเริ่มเข้าใจว่าสามารถนำ AI มาช่วยให้พนักงานทำงานได้เร็วมากขึ้น ลดการทำงานซ้ำซ้อนลงได้

9. Distributed Enterprises ข้อนี้น่าสนใจมาก ผมเรียกว่าองค์กรแบบกระจายตัว ยุคนี้เหมาะมาก สิ่งที่บริษัทต่าง ๆ หากต้องการเข้าถึงกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ต้องมีนโยบายการทำงานที่ยืดหยุ่นหรือเป็นไฮบริดผสมกันไป ผู้บริหารแนวใหม่ต้องมีแนวคิดเข้าใจโมเดลของธุรกิจใหม่ ๆ ที่เปลี่ยนไป 

 10. Total Experience การทำธุรกิจใดก็ตามเราไม่ได้พูดถึงเรื่องการขายสินค้าอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว เราพูดถึงประสบการณ์ของผู้ใช้ ใช้แล้วเป็นอย่างไร ชอบไหม ดีหรือเปล่า เราไม่ได้พูดถึงแค่ลูกค้า เราพูดถึงพนักงานของเรา พูดถึงคนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเราว่าเขาทำงานกับเรา ใช้บริการของเราแล้วมีประสบการณ์เป็นอย่างไรบ้าง ไม่ใช้ผลลัพธ์แต่เป็นระหว่างทางที่ใช้แล้วชอบไหม พูดถึงประสบการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ต้น มันคือการบริหารประสบการ์หรือ Experience Management ซึ่งผู้บริหารต้องเข้าจสิ่งนี้ด้วย 

บางอย่างก็ดูจะเร็วกว่าเมืองไทยไปมากเหมือนกัน ผมพยายามเล่าให้ใกล้ชิดกับเรามากขึ้น อยากให้เห็นว่าเทรนด์พวกนี้มาแล้ว และไม่ได้ไกลตัว ยิ่งตั้งแต่มีโควิดนี่ไม่ได้ไกลตัวเลย เราอยู่บนโลกใบเดียวกันจริง ๆ ครับ