<![CDATA[
กลุ่มสำรวจพฤติกรรมการออนไลน์ของสหรัฐอเมริกาหรือพิว (Pew) ประกาศรายงานวิจัยชิ้นล่าสุด คราวนี้จุดประเด็นแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นหากประเทศจีนสามารถทำสถิติเหนือ กว่าสหรัฐอเมริกา จนสามารถคว้าแชมป์ประเทศที่มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตสูงสุดได้ภายใน 2-3 ปีตามที่จีนตั้งใจจริง หนึ่งในนานาแนวโน้มคือเรื่องการเกิดอินเทอร์เน็ตไร้พรมแดนภาษา ซึ่งจะทำให้นักท่องเน็ตชาวอเมริกันเข้าใจแนวคิดและรับข้อมูลจากมังกรตะวัน ออกอย่างจีนได้มากขึ้น
พิวเริ่มต้นรายงายวิจัยโดยยกจำนวนนักท่องเน็ตชาวจีนที่ทางการจีน ประเมินไว้ที่ 137 ล้านคน สถิติดังกล่าวเป็นรองเพียงสถิตินักท่องเน็ตสัญชาติอเมริกันที่คาดว่ามี จำนวนราว 165 ถึง 210 ล้านคน จุดนี้พิวชี้ว่าอัตราการเติบโตที่เหนือกว่าบนตัวเลขประชากรที่มากกว่า ทำให้ประเทศจีนมีโอกาสสูงมากที่จะกลายเป็นประเทศที่มีสถิติการใช้งาน อินเทอร์เน็ตสูงที่สุดแซงหน้าสหรัฐฯได้
"จำนวนประชากร 1.322 พันล้านคนของจีนถือเป็นตัวเลขที่เหนือกว่าสหรัฐฯมากมาย ซึ่งที่ผ่านมาก็ชี้ว่า อัตราการเติบโตของการใช้งานอินเทอร์เน็ตในประเทศจีนทิ้งห่างสหรัฐออกไปทุกที เช่น 18 เปอร์เซ็นต์ในปี 2004-2005 และ 23 เปอร์เซ็นต์ในปี 2006 และรัฐบาลจีนก็ประกาศชัดเจนว่าจะผลักดันให้จีนเป็นประเทศที่มีการใช้งาน อินเทอร์เน็ตเหนือกว่าสหรัฐฯให้ได้ภายใน 2-3 ปีนี้" เดบอราห์ ฟาลโลว์ส (Deborah Fallows) นักวิจัยอาวุโสของพิวระบุในรายงาน
จะเกิดอะไรขึ้น
ฟาลโลว์สเชื่อว่า หากจีนสามารถครองแชมป์นักท่องเน็ตได้จริงจะเกิดความเปลี่ยนแปลงอารยธรรม ด้านภาษาบนโลกอินเทอร์เน็ต สิ่งที่แน่นอนคือทุกคนจะได้รับข้อมูลมากขึ้นทั้งชาวจีน ชาวอเมริกัน และชาวโลก ขณะที่ความตึงเครียดในประเทศจีนเรื่องการต่อต้านการเซ็นเซอร์จะรุนแรงขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและประเทศอื่นๆ
ถึงแม้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชาวจีนรายใหม่จะสามารถใช้ภาษาอังกฤษเพื่อ สื่อสาร แต่ชาวจีนจำนวนไม่น้อยที่ยังคงยึดมั่นกับการใช้ภาษาจีนไม่เปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงอารยธรรมด้านภาษาบนโลกอินเทอร์เน็ตที่ฟาลโลว์สกล่าวถึงนี้มี ปรากฏอยู่แล้วในรายงานเรื่องอนาคตของโลกอินเทอร์เน็ตหรือ Future of the Internet อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าภาษาอังกฤษจะยังคงเป็นภาษาหลักของอินเทอร์เน็ตอยู่ แต่จะมีภาษาอื่นโดดเด่นมากขึ้นกว่าในอดีตโดยเฉพาะภาษาจีน
ภาษาที่หลากหลายบนอินเทอร์เน็ตจะไม่ใช่อุปสรรค ฟาลโลว์สชี้ว่าโปรแกรมภาษามากมายจะถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ชาวโลกรวมถึงคน อเมริกันได้รับข้อมูลภาษาจีน ทั้งบล็อก รายงานข่าว หรือบทความต่างๆ ขณะเดียวกันผู้ใช้ชาวจีนก็จะสามารถรับข้อมูลที่เป็นภาษาอังกฤษได้ทั่วถึง ยิ่งขึ้น นอกจากจะเกิดการแบ่งปันข่าวสารแบบข้ามซีกโลกแล้วยังเกิดเป็นโอกาสด้านชุมชน ออนไลน์ใหม่ๆระหว่างผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชาวจีนรายใหม่กว่า 10 ล้านคนและผู้ใช้ชาวโลกที่เปิดกว้างมากขึ้นด้วย
ผล ด้านแง่ลบที่สำคัญคือ ความตึงเครียดในจีนเรื่องการเซ็นเซอร์เว็บไซต์จะรุนแรงขึ้น จนอาจกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยเฉพาะสหรัฐฯ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทต่างชาติล้วนแสดงความลำบากใจในการปฏิบัติตามข้อบังคับ ของรัฐบาลจีน
สำหรับสถานการณ์นักท่องเน็ตจีนขณะนี้ ฟาลโลว์สให้ข้อมูลว่า ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต 137 ล้านคนคิดเป็นสัดส่วนเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ของประชากรรวม ราว 60 เปอร์เซ็นต์เป็นชาย โดยกว่า 70 เปอร์เซ็นต์มีอายุต่ำกว่า 30 ปี ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนนักศึกษาและวัยทำงาน ผู้ใช้งานส่วนน้อยคือพนักงานอิสระ องค์กรการกุศล คนว่างงาน ครู ข้าราชการ และทหารปลดประจำการ ชาวนาชาวไร่ที่ออนไลน์คิดเป็นสัดส่วน 0.4 เปอร์เซ็นต์ สำหรับอัตราการใช้งานเฉลี่ยในตัวเมืองใหญ
คิดเป็นสัดส่วน 20 เปอร์เซ็นต์เทียบกับสัดส่วนในพื้นที่ห่างไกล 3 เปอร์เซ็นต์
ตัวเลขเหล่านี้เมื่อเทียบกับสัดส่วนนักท่องเน็ตอเมริกัน 71 เปอร์เซ็นต์เป็นผู้ใช้อายุ 18 ปีขึ้นไป โดย 30 เปอร์เซ็นต์อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 18 ถึง 29 ปี ผู้หญิงกับผู้ชายมีสัดส่วนในการออนไลน์เท่ากัน อัตราการใช้งานเฉลี่ยในตัวเมืองใหญ่คือ 70 เปอร์เซ็นต์ ในพื้นที่ห่างไกลคือ 61 เปอร์เซ็นต์
"สาเหตุ ที่ 2 ใน 3 ของประชากรจีนยังไม่ออนไลน์มี 2 เหตุผล มากกว่า 1 ใน 3 ระบุว่ายังขาดทักษะการใช้คอมพิวเตอร์หรืออินเทอร์เน็ต นอกนั้นให้เหตุผลว่าขาดแคลนเครือข่าย เพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่บอกว่าไม่มีเวลาว่าง น้อยมากที่บอกว่าไม่สนใจใช้งานอินเทอร์เน็ตหรือไม่มีเงินมากพอจะใช้งาน"
ในส่วนของอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงหรือบรอดแบนด์ (Broadband) ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของการใช้งานโปรแกรมโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ต อย่างสไกป์ (Skype) และการชมรายการทีวีออนไลน์หรือ IPTV จากการประเมินในไตรมาสหนึ่งที่ผ่านมาคาดว่าผู้ใช้บรอดแบนด์ชาวจีนมีจำนวน ใกล้เคียงกับสหรัฐคือ 56.2 ล้านราย (สหรัฐ 60.3 ล้านราย) ผู้ใช้สไกป์มีจำนวนรวมราว 25 ล้านคนในขณะนี้ สถิติผู้ใช้งานเฉลี่ย 100,000 คนต่อวัน
โดย ผู้จัดการออนไลน
]]>