ผมจะมาเล่าให้ฟังต่อว่าหากคุณสนใจที่จะลงทุนในสตาร์ทอัพควรทำอย่างไร หรือควรศึกษาในเรื่องใดไว้บ้างครับ

เหตุผลที่บริษัทสตาร์ทอัพน่าลงทุนมาก

ผมเองลงทุนอยู่หลากหลายแบบเหมือนกัน ไม่ได้เอาเงินไปลงทุนในสตาร์ทอัพเพียงอย่างเดียว ผมลงทุนทั้งในหุ้น ในกองทุน แต่ตอนนี้เงินบางส่วนถูกกระจายไปลงทุนในสตาร์ทอัพ นั่นก็เพราะสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผมสามารถควบคุมได้ในระดับหนึ่ง และมีความสุขเมื่อเห็นธุรกิจที่เข้าไปช่วยทำมันเติบโตขึ้น

แต่สำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์ในการบริหารหรือเป็นแค่นักลงทุนถามว่าจะคุ้มไหมที่จะลงทุนในสตาร์ทอัพ ผมแบ่งเป็นสองกลุ่มครับคือ 

1. กลุ่มคนที่มีเงินอย่างเดียว คุณต้องหาคนอย่างผมให้ช่วยนำไปก่อน ซึ่งตอนนี้ผมเองมีแนวความคิดที่จะเปิดกองทุนให้คนมาลงทุนด้วยกันและนำเงินนี้ไปลงทุนในสตาร์ทอัพ เมื่อได้เงินมาก็คืนเงินทุนนั้นกลับไป แต่ยังอยู่ในช่วงของการคิด และมีความเป็นไปได้สูงครับที่ผมจะทำ

จริง ๆ กองทุนประเภทนี้ก็มีอยู่บ้างแล้ว เช่น กองทุน 500 ตุ๊กตุ๊กส์ (500 Tuktuks) หรือกองทุนขององค์กรต่าง ๆ อย่าง SCG ปตท. กลุ่มอนันดา ฯลฯ

สำหรับเมืองไทยกองทุนแบบสแตนด์อะโลนยังมีไม่มากนักและเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สตาร์ทอัพของไทยยังไม่มีโอกาสได้เป็นยูนิคอร์น เราขาดนักลงทุนให้กับสตาร์ทอัพในช่วงเริ่มต้น เราควรเร่งหาผู้ที่มีประสบการณ์ในด้านการจัดการกองทุนสตาร์ทอัพให้มีมากกว่านี้ เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจและเทคโนโลยีของไทยเติบโตได้มากขึ้น

2. คนที่เป็นเจ้าของธุรกิจอยู่แล้ว เช่น โรงงานผลิตเสื้อผ้า ควรไปลงทุนในสตาร์ทอัพที่ทำเกี่ยวกับเรื่องแฟชั่นหรือที่เกี่ยวข้อง และสามารถต่อยอดให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้ แบบนี้มีความน่าลงทุนมาก

ที่ผ่านมามีงาน Startup Thailand ซึ่งมีการแบ่งสตาร์ทอัพเป็นหลายกลุ่ม เช่น เกษตร ท่องเที่ยว โรงงาน ฯลฯ เราอยู่กลุ่มใดก็ไปหากลุ่มของเราแล้วไปลงทุนกลุ่มนั้นเพื่อให้เขามาทำงานร่วมกัน ธุรกิจเราจะได้เติบโตและธุรกิจสตาร์ทอัพของเขาก็เติบโตด้วยเช่นกัน

นี่เป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้ธุรกิจสตาร์ทอัพของไทยเติบโตไปด้วยกันได้ ตอนนี้มันมีช่องว่างระหว่างเจ้าของธุรกิจแบบเดิม ๆ กับคนทำสตาร์ทอัพ หากเราสามารถปิดช่องว่างตรงนี้ได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดีมาก 

สตาร์ทอัพไทยในวันนี้กับเมื่อวันวานเป็นอย่างไร

ผมคงต้องบอกว่ามีสตาร์ทอัพที่ล้มหายตายจากไปเยอะ ในขณะเดียวกันก็เหลือตัวจริงที่เติบโตอย่างต่อเนื่องเยอะเช่นกัน และก็ยังมีสตาร์ทอัพบางกลุ่มที่เป็นเหมือนกับซอมบี้ก็คือยังเดินไปเรื่อย ๆ ไม่ได้โตมากแต่ก็ยังอยู่ได้ แต่ผมเชื่อว่ายังมีอีกหลาย ๆ ธุรกิจที่พร้อมที่จะโตต่อไปได้

อย่างที่ผ่านมาผมเพิ่งประกาศลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพเรื่องโรงงาน เป็นซอฟต์แวร์เกี่ยวกับการบริหารจัดการเครื่องจักรในโรงงาน เรายังมีสตาร์ทอัพอีกหลายตัวที่น่าสนใจและอยากจะช่วยให้พวกเขาเติบโตได้มากขึ้น

ในประเทศไทยยังมีช่องว่างระหว่างคนที่ทำสตาร์ทอัพหรือคนที่เก่งในเรื่องเทคโนโลยีกับคนที่มีเงินทุน ฉะนั้น ผมอยากแนะนำว่า หากคุณมีโอกาส การนั่งเฉย ๆ คงไม่ช่วยอะไร หากอยากจะรู้จักสตาร์ทอัพมากขึ้นคุณก็ต้องไปทำความรู้จักกับคนที่ทำสตาร์ทอัพเลยทันที 

ผมอยากให้ลองไปเดินในงาน Startup Thailand ไปดูว่ามีธุรกิจไหนที่น่าสนใจ หากธุรกิจนั้นยังมีขนาดเล็กอยู่ก็อาจไปลงทุนและช่วยเขาได้

หรือง่าย ๆ วันนี้คุณอาจค้นหาในอินเทอร์เน็ตเลยก็ได้ มีอยู่หลายเว็บไซต์ที่มีการพูดคุยของสตาร์ทอัพหลาย ๆ ตัว เช่น หากสนใจสตาร์ทอัพในเรื่องโรงแรม ซัพพลายเชน การศึกษา ฯลฯ ก็ค้นหาด้วยคำ ๆ นั้นมันก็จะปรากฏข้อมูลออกมาให้เลย สามารถติดตามหรือพูดคุยได้ แล้วจึงพิจารณาต่อไปว่าคุณและเขาจะทำอะไรด้วยกันได้บ้าง 

การลงทุนในสตาร์ทอัพบางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้เงินเยอะ เพียงแค่รู้จังหวะ รู้โอกาส และรู้ว่าตัวเราเป็นอย่างไร แค่ลงทุนให้ถูกและเลือกตัวที่คิดว่าจะช่วยเหลือเขาได้ก็จะยิ่งสร้างมูลค่าให้กับทั้งสตาร์ทอัพและตัวคุณเองได้อย่างทวีคูณ 

ผมลงทุนในสตาร์ทอัพเพราะเชื่อว่าธุรกิจสตาร์ทอัพเล็ก ๆ ของวันนี้ ในอนาคตจะกลายเป็นธุรกิจที่คนไทยจะใช้กันตลอด อย่างผมทำอีคอมเมิร์ซเมื่อ 20 ปีก่อนใครจะคิดว่าจะกลายมาเป็นสิ่งประจำของสมัยนี้

หรือเว็บไซต์อย่าง wongnai.com ที่เมื่อก่อนเป็นสตาร์ทอัพเล็ก ๆ ปัจจุบันเขามีข้อมูลร้านอาหารทั่วประเทศไทยและคนไทยใช้ในการค้นหาเพื่อตัดสินใจในการเลือกกินอาหารแต่ละครั้ง

การลงทุนในสตาร์ทอัพก็เหมือนการซื้ออนาคตที่ลงทุนในวันนี้เมื่อถึงวันที่เขาโตผมเชื่อว่าในไม่นานนี้โลกเราหรือธุรกิจในประเทศไทยจะเข้าสู่ยุคของธุรกิจเหล่านี้จริง ๆ