อีคอมเมิร์ซไทยในปีที่ผ่านมามีความดุเดือดและร้อนแรง ทำให้เริ่มมองเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปในปี 2563 ได้ชัดเจนมากขึ้น ผมมองว่าอีคอมเมิร์ซไทยในปีนี้จะมีอยู่ประมาณ 12 เทรนด์ใหญ่ ๆ ก็คือ
1. JSL Marketplace เริ่มทำรายได้แล้ว
ผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ทั้ง 3 ก็คือ JD Central, Shopee และ Lazada จะเริ่มทำกำไรมากขึ้น อย่างในปีที่ผ่านมา Lazada และ Shopee ได้เก็บค่าคอมมิชชั่นและค่าบริการต่าง ๆ แล้ว คนเข้ามาอยู่ในระบบมากขึ้น จึงจะเป็นปีที่ผู้ให้บริการเหล่านี้จะเริ่มทำรายได้แล้ว
2. สงคราม E-Wallet แข่งกันดึงเงินลงกระเป๋า
ปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าธุรกิจ E-Wallet เริ่มมีการตั้งไข่ และจะเติบโตมากขึ้นในปี 2563 E-Wallet จากรายงานของแบงก์ชาติ พบว่าในไตรมาสแรกของปี 2562 การใช้งาน e-Money มีปริมาณการใช้งานทั้งสิ้น 473.27 ล้านรายการ คิดเป็นมูลค่า 67 พันล้านบาท ส่วนปี 2561 มีปริมาณการใช้ 1,510.84 ล้านรายการ มูลค่า 209 พันล้านบาท เติบโตจากปี 2560 ที่มีการใช้งานเพียง 1,272.22 ล้านรายการ มูลค่า 126 พันล้านบาท เรียกได้ว่าสงคราม E-Wallet ในเมืองไทยมาถึงแล้ว
3. สงคราม E-Logistic
ปีที่ผ่านมามีบริษัทขนส่งแบบออนไลน์มีมากเป็นสิบบริษัททั้งแบบที่เพิ่งเปิดและมาจากจีน สำหรับปี 2563 บอกได้เลยว่าจะมีบริษัทขนส่งผุดขึ้นมาอีกเยอะมาก ยังไม่รวมพวก Grab Express หรือ GET Express ซึ่งเริ่มกระโดดเข้ามาทำบ้างแล้ว ต่อไปการขนส่งงจะง่ายขึ้น ต่อไปไม่ใช่แค่ภายในวันเดียวแต่จะเป็นการส่งภายใน 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น
4. เก็บ-แพ็ก-ส่งสินค้า ธุรกิจมาแรง
ธุรกิจ fulfillment จะให้บริการเยอะขึ้น คนจะเริ่มนิยม outsource คือจ้างแวร์เฮ้าส์ คนแพ็กของ ส่งของ ผมบอกได้เลยว่าปีนี้จะชัดมากขึ้นอีก Fulfillment ในเมืองไทยอาจมีอยู่ไม่เยอะมากนัก เช่น Siam Outlet, MyCloud Fulfillment นอกจากนี้บริษัทขนส่งหลายเจ้าก็เริ่มมาทำเอง Lazada ก็มี fulfillment เป็นของตัวเอง
5. Brand จะกระโดดเข้าสู่ออนไลน์อย่างต่อเนื่อง
การมี Mall ต่าง ๆ เช่น Shopee Mall, LazMall และ JD Central จะทำให้แบรนด์ต่าง ๆ กระโดดเข้ามาขายออนไลน์มากขึ้นเรื่อย ๆ กระทบต่อบรรดายี่ปั๊ว ซาปั๊ว หรือบรรดาตัวแทนสินค้าอย่างแน่นอน เพราะผู้ผลิตสินค้าหรือเจ้าของโรงงานเริ่มขายตรงกับผู้บริโภคเอง
6. Cross Border เติบโตแบบก้าวกระโดด
การขายข้ามประเทศแบบ Inbound Cross Border คือสินค้าที่มาจากต่างประเทศโดยเฉพาะจากจีนที่มีอยู่ในมาร์เก็ตเพลสใหญ่ ๆ ของไทยมีประมาณ 135 ล้านชิ้นหรือราว 77% ขณะที่เป็นของผู้ค้าไทยมีประมาณ 39 ล้านชิ้นหรือราว 23% เท่านั้น เริ่มเห็นชัดแล้วว่าสินค้าจีนเริ่มบุกเข้ามามากขึ้น และส่งเร็วมากขึ้นเพราะการเปิด EEC ดังนั้น รัฐบาลต้องเน้นที่ Outbound Cross Border คือการนำสินค้าออกทางออนไลน์ ตอนนี้มีหลายมาร์เก็ตเพลสอย่าง Amazon, eBay, Wish, Rakuten และ Alibaba เป็นช่องทางที่สามารถเอาสินค้าไทยออกไปขายต่างประเทศได้
7. Social Commerce ยังโตดีต่อเนื่อง
เม็ดเงินโฆษณาจำนวนมหาศาลเทลงมาในโซเชียลมีเดียอย่างรวดเร็ว โซเชียลคอมเมิร์ซจึงยังโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
8. ปีของการ Live & Conversational Commerce
เทรนด์นี้มาจริง ๆ แล้ว จะเห็นว่า Lazada เอง Shopee เองก็มีไลฟ์ขายของ เพราะการไลฟ์เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการขายของออนไลน์ ดังนั้น ปีนี้เราจะได้เจอแพลตฟอร์มที่ทำขึ้นเพื่อการไลฟ์ขายของโดยเฉพาะ ซึ่งจะสามารถเก็บเงิน และมีการทำระบบการจัดการขายของบนไลฟ์นั้นได้เลย
9. ข้อมูล E-Commerce ก่อให้เกิดธุรกิจอื่น
ข้อมูลจะนำไปสู่ธุรกิจอื่น ๆ อย่างปีที่ผ่านมาเราจะเห็นข่าวว่าการจับมือของผู้ที่มีข้อมูลอย่าง Lazada จับมือกับ KBank เกิดธุรกิจการปล่อยกู้ หรือ SCB จับมือกับ GET ก็ปล่อยกู้เช่นกัน ฯลฯ ต่อไป data จะถูกนำมาใช้มากขึ้นในปีนี้
10. เป็นยุคของ E-Commerce เฉพาะทาง
หรือ Vertical E-Commerce อย่างพวก Konvy มาร์เก็ตเพลสขายเครื่องสำอาง Pomelo มาร์เก็ตเพลสที่ขายสินค้าเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายแฟชั่น BUILK.com มีมาร์เก็ตเพลสที่ชื่อว่า Yello ขายอุปกรณ์ก่อสร้าง NocNoc ขายเฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ อีคอมเมิร์ซเฉพาะทางจะเริ่มโตมากขึ้น
11. Omni Channel มาแล้วของจริง
ออนไลน์กับออฟไลน์ทุกช่องทางจะประสานเข้าด้วยกันอย่างเห็นได้ชัด
12. ปีนี้กฎหมายด้านดิจิทัลมาครบชุด
คือ พ.ร.บ. ภาษีอีเพย์เมนต์, พ.ร.บ. ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์, พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอ, พ.ร.บ. คุุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล, พ.ร.บ. ว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์, พ.ร.บ. ภาษี E-Business เมื่อกฎหมายทั้ง 6 ฉบับนี้ทำงานครบ จะสร้างความน่าเชื่อถือมากขึ้น บางอย่างเป็นข้อดี เช่น ภาษี E-Business ที่จะทำให้ต่างชาติที่มาทำธุรกิจในไทยต้องมีการเสียภาษี และเราได้เห็นตัวเลขสำคัญหลายอย่าง และต้องปรับตัวให้เข้ากฎหมายเหล่านี้ต่อไป
การค้าออนไลน์ในประเทศไทยทั้ง 12 เทรนด์นี้มีผลกับธุรกิจของท่านอย่างแน่นอน ผมอยากให้คนที่ทำธุรกิจได้รู้ตัวว่าต้องทำอย่างไร และเตรียมพร้อมที่จะปรับตัวเข้าสู่ดิจิทัลอย่างจริงจัง ผมได้จัดทำข้อมูลอย่างรายละเอียดในเรื่องนี้ไว้สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถดูเพิ่มเติมและดาวน์โหลดได้ที่ http://bit.ly/2N9tMBT ครับ