<![CDATA[

   เมื่อคราวก่อนผมได้พูดถึงองค์ประกอบที่จะทำให้การทำเว็บประสพความสำเร็จ โดย C ตัวแรกที่ได้พูดถึงไปเมื่อคราวก่อน ก็คือ C- Content หรือข้อมูลภายในเว็บไซต์ แต่คราวนี้ C อีกตัวที่น่าสนใจสำหรับการสร้างเว็บไซต์ ก็คือ C- Community หรือ การสร้างให้เกิด สังคมขึ้นในเว็บไซต์ของคุณ

สังคม หรือ Community คืออะไร?

            สังคม หรือ Community คือ การรวมตัวของกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง ที่อยู่ร่วมกันภายใต้สถานๆ หนึ่ง โดยมีการพูดคุย หรือกิจกรรมร่วมกันภายในสถานที่แห่งนั้น แต่หากเราพูดถึงการเกิด Community ในโลกออนไลน์แล้วละก็ เว็บไซต์ก็ถือเป็นบริการรูปแบบหนึ่งที่สามารถนำมาใช้และสร้างให้เกิด Community ได้ ซึ่งผู้ที่เข้ามาอยู่ใน Community ภาย ในเว็บไซต์ จะรู้สึกว่า เว็บไซต์นั้นๆ จะเหมือนกับสังคมอีกสังคมหนึ่งของเค้า ที่สามารถเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์ มีการพูดคุย ทำกิจกรรมต่างๆ กับคนอื่นๆ ในเว็บไซต์นั้นๆได้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะก่อให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้บริการที่อยู่ใน Community ของเว็บไซต์ ซึ่งการมี Community ในเว็บไซต์จะช่วยทำให้เว็บไซต์ มีผู้เข้ามาใช้อย่างต่อเนื่อง, มีข้อมูล (Content) ที่ มาจากผู้ใช้เข้ามาในเว็บไซต์ ซึ่งถือเป็นข้อมูลที่เจ้าของเว็บไม่ต้องเป็นผู้ผลิต ทำให้ลดต้นทุนและเวลาในการหาข้อมูลมาใส่ในเว็บด้วย ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงไปตาม รูปแบบและกลุ่มคนที่เข้ามาอยู่ใน Community

 

องค์ประกอบในการสร้าง Community ในเว็บไซต์ของคุณ

            การสร้าง Community ให้เกิดขึ้นในเว็บไซต์มีหลายรูปแบบในการนำมาใช้ได้

1.   เว็บบอร์ด (Web Board)
       เว็บบอร์ด หรือ Forum ถือเป็นบริการหลักอันหนึ่งที่ ใช้สร้าง Community ให้ เกิดในเว็บไซต์ได้ เพียงแค่คุณมีเว็บบอร์ด ที่อาจจะแบ่งเป็นห้องๆ เอาใว้ให้ผู้ที่เข้ามาใช้บริการสามารถเข้าไปพูดคุยหรือ สอบถามปัญหาต่าง ในเว็บบอร์ดนี้ได้ ซึ่งคุณสามารถนำเว็บบอร์ดมาติดตั้งที่เว็บไซต์คุณ หรือ อาจจะไปสมัครใช้บริการเว็บบอร์ดฟรี จากเว็บไซต์ที่ให้บริการ เช่น http://www.thaimisc.com, www.212cafe.com


2.   ห้องแช๊ตรูม (Chat Room)
       ห้องแช็ตรูม เป็นบริการที่สามารถให้คนเข้าไปนั่งคุยกันแบบสดๆ (Real Time) กันได้เลย โดยมีการแบ่งเป็นห้องๆ ไว้ให้เข้าไปคุยตามห้องที่ต้องการได้ ซึ่งห้องแช๊ตจะมีหลายรูปแบบ ทั้งเป็นแบบใช้เทคโนโลยี Java, โปรแกรมมิ่งประเภทต่างๆ ASP, PHP, Perl หรือการเข้าเชื่อมต่อกับ IRC (Internet Relay Chat)
มีบางเว็บที่ให้บริการ ฟรีห้องแช็ตรูม เช่น
http://irc.narak.com  

 

3.   พิ๊กโพสต์ (Pic Post)
       เป็นบริการใหม่ที่ ฮิตในหมู่เว็บไซต์ของกลุ่มวัยรุ่น โดยเริ่มต้นมาจากเว็บสติกเกอร์บอร์ด  ซึ่ง เป็นบริการที่ให้ผู้ใช้เว็บสามารถนำรูปถ่ายสติกเกอร์ หรือรูปภาพของตนมาลงโชว์ เพื่อให้คนทั่วๆ ไปสามารถเข้ามาร่วมโหวตได้ และมีการแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เช่น สาวน่ารัก, หนุ่มหล่อ ซึ่งจะมีการแข่งขันกันโหวตเพื่อให้ตัวเองขึ้นไปอยู่ Top Ten ของหมวดนั้นๆ โดยตัวอย่างเว็บที่มีบริการประเภทนี้ เช่น www.Mthai.com

 

4.   ไดอารี่ หรือ บล็อก (Diary or Blog)
       บริการ ที่ให้ผู้ใช้สามารถเขียนไดอารี่ บันทึกเรื่องราวของตัวเองไว้ผ่านเว็บไซต์ได้ ซึ่งเมื่อก่อนก็จะเรียกว่าเว็บไดอารี่ แต่เดียวนี้มีบางแห่งจะเรียกว่าบล็อก (Blog) ซึ่งบางคนจะเข้ามาเขียนไดอารีของตัวเองทุกวัน ตัวอย่างเว็บที่ให้บริการประเภทนี้ เช่น www.DiaryHub.com, www.Kapook.com

 

5.   ข่าว (News) + Web Board
       เป็น การนำข่าวสาร โดยเลือกหัวข้อที่ดูน่าสนใจ อัพเดท อินเทรนด์ ล่าสุดมานำเสนอผ่านหน้าเว็บไซต์ และภายในข่าวสาร นั้นๆ ผู้อ่านสามารถร่วมออกแสดงความคิดเห็น ของตนลงไปในข่าวสารนั้นๆ ได้ ซึ่งบริการรูปแบบนี้จะเป็นการผสมผสานกันระหว่างข้อมูลข่าว + เว็บบอร์ด ตัวอย่างของเว็บที่ให้บริการเช่น http://www.Manager.co.th

 

6.   เมล์ลิ่งลิสต์ (Mailing List)
       บริการส่งข่าวสาร ข้อมูลล่าสุด จากทางเว็บไซต์ส่งตรงไปยังผู้รับทางอีเมล์ เพื่อเป็นการเตือนหรือแจ้งให้ทราบถึงบริการใหม่ๆ หรือข้อมูลล่าสุดที่ทางเว็บไซต์ได้อัพเดทแก่สามาชิกหรือผู้ที่สนใจ ซึ่งบริการนี้จะเป็นบริการที่ช่วยดึงให้ผู้ใช้เว็บกลับเข้ามาใช้เว็บอีก ครั้ง

 

7.   รวมลิงค์ เว็บไซต์
       เป็น การรวบรวมรายชื่อเว็บไซต์ที่น่าสนใจและแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถค้นหาเว็บไซต์ที่ต้องการ ได้อย่างง่ายๆ หรือบางครั้งก็จะมีคำอธิบายหรือบริการในเว็บไซต์นั้นๆ ด้วย

 

รูปแบบของ Community ของเว็บไซต์

            หากลองเปรียบเทียบเว็บไซต์ที่เป็นเว็บไซต์ ธรรมดาๆ ที่ไม่มีการสร้าง Community ภายในเว็บไซต์ กับอีกเว็บไซต์หนึ่ง ที่เป็นมีการสร้าง Community เอาไว้ภายในเว็บไซต์ด้วย จะเห็นได้ว่าเว็บไซต์ที่มีการสร้าง Community ในเว็บไซต์จะมีกลุ่มผู้ใช้บริการ นิยมกลับเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง มากกว่าเว็บไซต์ที่ไม่มี Community โดยส่วนใหญ่ผู้ใช้เว็บไซต์ Community มักจะเข้าไปในเว็บไซต์นั้นๆ วันนึง หลายๆ ครั้ง หรือบางคนอาจจะเข้าไปเว็บไซต์นั้นทั้งวัน

 

Online Community เชื่อมโยงมา Offline Community

            หลายๆ ครั้งที่ผมมักจะเห็น การเริ่มต้นรู้จักกันของคนในโลกออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ที่มี Community และมัก จะมีส่วนขยาย การปฏิสัมพันธ์นอกเหนือจากในเว็บไซต์ มามีกิจกรรมในโลกแห่งความจริงหลายเว็บไซต์ เช่นมีการจัดกิจกรรม ระหว่างสมาชิกในเว็บ การนัดพบปะทานอาหาร, การไปแรลลี่, การนัดดูหนัง เป็นต้น เช่น เว็บไซต์ Pantip.com มีการจัดกีฬาสีของผู้ใช้บริการในเว็บไซต์, เว็บไซต์ Diaryhub.com มีการพาสมาชิกไปเที่ยวสัญจรต่างจังหวัดกันเป็นประจำ, เว็บไซต์ MrPalm.com มัก มีการนัดมิ้ตติ้งระหว่างสมาชิกเพื่อเป็น อัพเดทแลกเปลี่ยนข่าวสารกัน ซึ่งเป็นการขยายขอบเขตของการให้บริการจากแค่ในเว็บไซต์ออกไปยัง โลกของ Offline ได้อีกด้วย.! และยังทำให้ Community ของ เว็บไซต์นั้นๆ มีความแข็งแรงมากขึ้น ความจงรักภักดี ในตัวผู้ใช้บริการที่มีต่อตัวเว็บไซต์ก็จะมีสูงขึ้นตามด้วย ซึ่งจะทำให้เว็บไซต์มีกลุ่มขาประจำที่จะเข้ามาใช้บริการอยู่ทุกๆ วัน ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่า (Value) ให้กับเว็บไซต์ได้ในระยะยาว

 

สำหรับท่านที่เว็บไซต์ และยังไม่มี Community เกิดขึ้นในเว็บไซต์ของท่าน ยังไงก็ลองเริ่มต้นสร้าง Community ในเว็บไซต์ของคุณได้แล้วนะครับ ซึ่งหลักของการสร้างเว็บไซต์ Community ที่ดีให้เด่นให้ดังสามารถกลับไป ดูบทความที่ผมเคยพูดถึงไว้ได้ที่ http://www.pawoot.com/content/display/detail_preview.asp?CONT_ID=13 และทีนี้เว็บไซต์คุณก็จะมีคนเข้ามาใช้บริการมากมายอย่างต่อเนื่องครับ

 

Pawoot P. 10/7/04

 

 6 C กับความสำเร็จของเว็บไซต์ (ทั้งหมด)

1. ตอนที่ 1 C-Content : http://www.pawoot.com/node/116
2. ตอนที่ 2 C-Community : http://www.pawoot.com/node/120/
3. ตอนที่ 3 C-Commerce  : http://www.pawoot.com/node/169
4. ตอนที่ 4 C-Communication  : http://www.pawoot.com/node/170
5. ตอนที่ 5 C-Customization  : http://www.pawoot.com/node/171/
6. ตอนที่ 6 C-Convenience : http://www.pawoot.com/node/274
 
 
บทความนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ หากต้องการนำไปใช้ที่อื่นๆ แจ้งนิดนึงนะครับที่ pawoot@tarad.com

]]>