<![CDATA[

พลังของการสื่อสารอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง จำนวนผู้ใช้ออนไลน์ที่มากกว่า 1 พันล้านคน และซอฟต์แวร์เครื่องมือช่วยตัดต่อภาพวิดีโอได้เหมือนอาชีพ ทำให้ความนิยมการอัพโหลดและเรียกชมภาพวิดีโอ ออนไลน์ เพิ่มขึ้นมหาศาล และพลิกโฉมหน้าการโฆษณาการตลาดจากการผลิตสื่อภาพยนตร์โฆษณาโทรทัศน์ มุ่งสู่ภาพยนตร์โฆษณาออนไลน์ ในอนาคตอันใกล้

การประกาศรับสมัครทหารไปรบในอิรักผ่าน “ยูทูบ” โดยกองทัพสหรัฐ เป็นบทพิสูจน์หนึ่งถึง “เวบวิดีโอ“ เครื่องมือการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในโลกไซเบอร์ได้เป็นอย่างดี

ภาพความสำเร็จและความภูมิใจของเหล่าทหารนักรบหนุ่มชาวอเมริกันที่แพร่ภาพผ่า นเวบ จะช่วยปลุกเลือดรักชาติและความสำนึกให้ชายฉกรรจ์เหล่านั้นอยากรับใช้ชาติไปร บในอิรัก

ด้วยอิทธิพลของสื่อวิดีโอนี่เอง ทำให้ไม่น่าแปลกใจเลยว่า เหตุใดกูเกิลถึงทุ่มเงิน 1,650 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อกิจการยูทูบไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา (แม้ปัจจุบัน ยูทูบต้องเผชิญกับปัญหาการฟ้องร้องการละเมิดลิขสิทธิ์จากเวียคอม)

และล่าสุด "ไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น" ยักษ์ซอฟต์แวร์โลกที่พยายามขึ้นแท่นกับการเป็นผู้นำโลกออนไลน์ ก็พัฒนาบริการ SOAPBOX ในเอ็มเอสเอ็น วิดีโอ (MSN Video) ให้ผู้ใช้อัพโหลด และแชร์ไฟล์วิดีโอ โดยมีฟีเจอร์เด่นแตกต่างจากคู่แข่งที่เปิดบริการไปก่อนหน้า เพราะเวอร์ชั่นนี้ของไมโครซอฟท์ สามารถเรียกดูวิดีโอและอัพโหลดได้ในเวลาเดียวกัน

"เอ็มเอสเอ็น วิดีโอ" เปิดตัวมาตั้งแต่กุมภาพันธ์ ปี 2547 และกระตุ้นให้มีโฆษณาที่เป็นวิดีโอ เพิ่มกว่าเท่าตัวเป็น 70.29 ล้านชิ้นงานโฆษณา ในเดือนมีนาคม 2548 ปริมาณทราฟฟิกเติบโตขึ้นจากผู้เข้าชม 4.5 ล้านคน เป็นกว่า 7 ล้านคน ในปี 2548 การเติบโตหลักมาจากการโปรโมชั่นในเวบไซต์เอ็มเอสเอ็น ผ่านพันธมิตรที่ร่วมกับเจ้าของคอนเทนท์ดัง ทั้งฟ็อกซ์ สปอร์ต, เมเจอร์ ลีค เบสบอล, เอ็นบีซี และเอ็มเอสเอ็นบีซี

เสน่ห์ของสื่อวิดีโอ ออนไลน์ อยู่ที่การบอกเล่าเรื่องราวที่ดึงดูดอารมณ์ผู้ชมได้เหมือนที่สื่อโทรทัศน์มี แต่เวบวิดีโอมีความยืดหยุ่นให้กับผู้ชมที่เลือกดูเวลาใดก็ได้ และพัฒนาเนื้อหาได้เฉพาะเจาะจงมากกว่า (Personalized)

"เกล โทรเบอร์แมน" ผู้จัดการทั่วไป เวิลด์ไวด์ แบรนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น บอกว่า สื่อออนไลน์ จะเปิดทางให้นักโฆษณาสามารถสร้างชิ้นงานโฆษณาที่สร้างสรรค์มากขึ้นกว่าการทำ ภาพยนตร์โฆษณาผ่านสื่อแบบดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ วิทยุ หรือหนังสือพิมพ์ ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายกว้างและเป็นการสื่อสารทางเดียว

ขณะที่โลกออนไลน์ที่เป็นสื่อใหม่ โดยเฉพาะความนิยมการรับชมภาพเคลื่อนไหวที่เป็นวิดีโอและการสร้างตัดต่อภาพวิ ดีโอ พร้อมอัพโหลดขึ้นเวบไซต์เพิ่มความแพร่หลาย ทำให้เวบไซต์ที่เผยแพร่ภาพวิดีโอ เป็นแหล่งผลิตและแทรกชิ้นงานภาพยนตร์โฆษณาออนไลน์ ในยุคที่เทคโนโลยีเปิดกว้างให้ผู้ใช้ได้สร้างเนื้อหา (User Generated Content) ซึ่งนักโฆษณาสามารถเปิดทางให้พวกเขาได้มีเวทีแสดงฝีมือ และผลิตภาพยนตร์โฆษณาหรือมีส่วนร่วมกับผู้ลงโฆษณาได้ ทำให้พวกเขารักแบรนด์สินค้าหรือชื่นชอบผลิตภัณฑ์ได้

ตัวอย่างเช่น ไมโครซอฟท์ จับมือกับผู้ลงโฆษณา เปิดกว้างให้ผู้ชมเวบส่งภาพยนตร์สั้นวิดีโอเข้ามาอัพโหลดกันในเวบ ซึ่งฝีมือของพวกเขามีคุณภาพ และยังช่วยเปิดทางให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมและโต้ตอบกับเวบและแบรนด์สินค้าได้

สิ่งที่นักโฆษณาการตลาดจะต้องมองการวางแผนสื่อออนไลน์ อยู่ที่การสร้างเนื้อหาที่เฉพาะเจาะจงสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย (Niche Audience) อย่ามองว่าสื่อออนไลน์เป็นตลาดมวลชน (Mass) เช่นที่เอ็มเอสเอ็นร่วมกับวีซ่า และผู้ผลิตโฆษณา สร้างเนื้อหาถ่ายทอดเรื่องราวและประโยชน์ที่จะได้รับจากการใช้บริการทางการเ งินกับวีซ่า เจาะกลุ่มเอสเอ็มอี

นอกจากนั้น สื่อออนไลน์ยังสามารถสร้างเนื้อหาชิ้นงานโฆษณาที่ตรงกับคนในประเทศเป้า
มาย เป็นโลคัล พร้อมๆ กับใช้แนวคิดชิ้นงานนั้นถ่ายทอดและสร้างอารมณ์ร่วมไปในระดับโลก เป็นโกลบอลได้ในเวลาเดียวกัน

เธอยกตัวอย่างงานชิ้นหนึ่งที่เอ็มเอสเอ็นทำร่วมกับโนเกียช่วงปีใหม่ เปิดให้ผู้คนในประเทศต่างๆ ถ่ายทอดภาพประสบการณ์ความประทับใจด้วยภาพและวิดีโอ ในเมืองใหญ่ของหลายประเทศ ซึ่งก็ทำให้ผู้คนในประเทศอื่นๆ เข้ามาร่วมถ่ายทอดความรู้สึกในช่วงเวลาประทับใจได้ด้วยเช่นกัน

สิ่งสำคัญ ต้องสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่และได้ประโยชน์ให้กับผู้ใช้ เช่นที่เสนอวิดีโอสาธิตการทำอาหารแบบเร่งรัด พร้อมสูตรปรุงรส โดยมีสปอนเซอร์ สาระเนื้อหาที่ได้จากวิดีโอขนาดสั้นที่สอดคล้องกับความสนใจ จะไม่ทำให้ลูกค้าเป้าหมายรู้สึกว่ากำลังถูกรบกวนเวลาส่วนตัวด้วยการคั่นโฆษณ าสินค้า

นอกจากมุมมองของผู้บริหารไมโครซอฟท์แล้ว สำนักวิจัยต่างประเทศต่างก็ออกมาฟันธงถึงความนิยมในสื่อวิดีโอ ออนไลน์ โดยบริษัทอีมาร์เก็ตเตอร์ ซึ่งเป็นบริษัทด้านวิจัยการตลาดอินเทอร์เน็ต คาดการณ์ว่า บริษัทโฆษณาจะใช้จ่ายเงินให้กับการลงโฆษณาวิดีโอออนไลน์ ราว 775 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2550 และจะทะยานขึ้นในปีหน้า 89% ทั้งจะมีมูลค่าเพิ่มเป็น 2,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2553 หรือ 1 ใน 10 ดอลลาร์ของโฆษณาอินเทอร์เน็ต จะไปที่วิดีโอ

ขณะที่บริษัทที่ปรึกษา อิน-สแตท คาดการณ์ว่า ภายในปี 2553 เวบไซต์ที่เปิดให้ผู้ใช้สร้างเนื้อหาที่เป็นวิดีโอ จะมีการเรียกชมมากกว่า 65,000 ครั้ง เพิ่มจาก 17,000 ล้านครั้งในปี 2549 รายได้จากการโฆษณาจะสัมพันธ์กับรายได้ โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 10 เท่าจาก 80.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีที่แล้ว เป็น 852 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2553

การเพิ่มขึ้นของออนไลน์ วิดีโอนี้เอง ทำให้รายได้จากการโฆษณาที่เป็นการสืบค้น หรือเสิร์ชเอ็นจิ้น มาร์เก็ตติ้ง มีแนวโน้มเติบโตลดลง ปัจจุบันข้อมูลจากมีเดีย โพสต์ คาดว่าเสิร์ชเอ็นจิ้น มาร์เก็ตติ้ง จะมีสัดส่วน 40% ของตลาดรวมของรายได้โฆษณา และจะเพิ่มเป็น 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2553 โดยในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งคาดว่าตลาดรวมโฆษณาออนไลน์ทั่วโลกจะอยู่ที่ 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แสดงให้เห็นว่าส่วนแบ่งรายได้จากการโฆษณาผ่านเสิร์ชเอ็นจิ้นลดลง

ขณะเดียวกัน จะเริ่มเห็นบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่ง โดดเข้าใช้ช่องทางออนไลน์ วิดีโอ เป็นสื่อโฆษณา โดยมองว่าเป็นเครื่องมือการตลาดที่ต้นทุนต่ำ เช่น ฟริตโต-เลย์ ทำโฮมเมด วิดีโอ เพื่อปั้นแบรนด์ Doritos โดยฟริตโต-เลย์ จะให้เงินรางวัล 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมไปท่องเที่ยวที่ไมอามี เพื่อชมการแข่งขันซูเปอร์โบว์ล ให้ผู้เข้าประกวดแข่งชันจัดทำโฮมวิดีโอยอดเยี่ยม 5 คนสุดท้าย ที่มีผลงานสามารถทำเชิงพาณิชย์ ซึ่งก็เป็นการตลาดที่เข้าถึงคนจำนวนนมากและมีความเสี่ยงต่ำนั่นเอง

การจะแจ้งเกิด "วิดีโอ ออนไลน์ แอด" ได้หรือไม่นั้น อาจต้องขึ้นอยู่กับความสามารถในการสร้างสรรค์งานของเจ้าของสินค้า บริษัทผู้ผลิตโฆษณา และเจ้าของเวบไซต์ที่จะกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ และนำเสนอเนื้อหาได้ตรงใจกับผู้บริโภค

ข้อมูลจาก http://www.bangkokbizweek.com/20070304/ibiz/index.php?news=column_23128052.html

]]>