หลายๆ คนมักจะถามผมว่า ระหว่าง Facebook กับ Twitter เค้าควรจะใช้ Social Network ตัวไหนดี? ในการใช้เป็นเครื่องมือสื่อสาร หรือเข้าถึงกลุ่มเพื่อนๆ และสังคมใหม่ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา จะเห็นว่าคนส่วนใหญ่ จะนิยมใช้ Facebook มากกว่า Twitter โดยตัวเลขปัจจุบัน มีคนไทยใช้ Facebook ประมาณ 2,597,440 คน (อ้างอิงจาก Facebook.com) และคนไทยใช้ Twitter ประมาณ 90,096 คน (อ้างอิงจาก http://www.lab.in.th/thaitrend ณ. วันที่ 9 เมษายน 2510) คำถามง่ายๆ ที่หลายๆ คนถามผมคือ แล้วไอ้เจ้า Facebook มันต่างจาก Twitter ยังไง (วะ)?
![]() |
Facebook และ Twitter บริการมันเป็นยังไง?
แน่นอนอย่างแรก ชื่อมันต่างกันครับ ผ่างงงง…งงง (มุขควาย) จริงๆ ทั้งสองบริการนี้คือมันคือ Social Network Service หรือบริการที่ทำให้เราสามารถเชื่อมโยง เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หรือคนรู้จักของเราได้ ผ่านทางอินเทอร์เน็ต แต่ก็มีหลายอย่างที่แตกต่างกัน เราลองมารู้จัก Facebook กับ Twitter กันซักหน่อยดีกว่าว่ามันแตกต่างยังไงกันแน่
Twitter คืออะไร?
Twitter.com คือ "บริการส่งข้อความ 140 ตัวอักษร (Message Communication)" ในรูปแบบกระจายออกไป (Broadcast) ทำให้หลายๆ คนสามารถเห็นข้อความ (one to many) โดยเป็นการกระจายข้อความผ่านไปยังเพื่อนๆ และคนรู้จัก รวมถึงคนที่เค้าสนใจคุณ (Follower) โดยในการส่งข้อความออกไปหลายๆ คนมักส่งข้อความเกี่ยวกับ "เรากำลังทำอะไรอยู่ รวมถึงความรู้และสิ่งต่างๆมากมายที่เกี่ยวกับตัวเราขณะนั้นออกไป" และในการส่งข้อความออกไป เราสามารถส่ง ภาพ วีดีโอ ตำแหน่งของคุณ (Location) รวมถึง อ้างอิง พูดถึง และบอกต่อข้อความของคนอื่นๆ ออกไปได้ ซึ่งความสนุกของมันอยู่ ตรงที่คุณได้รับรู้ว่าของเพื่อนๆ คนรู้จัก คนดังที่คนชื่นชอบว่าเค้าทำอะไร คิดอะไรอยู่ได้ทันที ที่คนเหล่านั้นพิมพ์ หรือเราเรียกว่า ทวีต (Tweet)
Facebook คืออะไร?
Facebook.com คือ หากจะเรียกง่ายๆ ตอนนี้มันก็คือเว็บที่สามารถเชื่อมโยงติดต่อสื่อสารผ่าน เพื่อนๆ และคนที่คุณรู้จักได้ง่ายๆ โดยมีบริการหลายๆ อย่างอยู่ในตัวมันเอง เช่น การส่งข้อความ (เหมือน Twitter) การแลกเปลี่ยนแบ่งปัน (Share) ข้อมูลต่าง ๆ ได้แก่ รูปภาพ วีดีโอ หรือสามารถสร้าง กลุ่ม (Group) ของตัวเองขึ้นมา และ หาแฟนๆ (Fan) ที่ชื่นชอบอะไรคล้ายๆ กันทั้งหมดนี้และนอกจากนี้ Facebook ได้เปลี่ยนตัวเองจากเว็บธรรมดา เข้าสู่การเป็นเว็บแพลทฟอร์ม (Web Platform) ที่เปิดโอกาสให้นักพัฒนาทั่วโลกสามารถพัฒนาบริการต่างๆ มาใส่ไว้ใน Facebook ได้ง่ายๆ โดยบริการต่างๆ ที่คนนิยมได้แก่ เกมส์, โปรแกรมแอพลิเคชั่นต่างๆ ซึ่งส่วนหลังนี้แหละ ที่ทำให้ Facebook มีความหลากหลายในตัวมันเอง
Facebook มันต่างจาก Twitter ยังไง (วะ)?
จริงๆ แล้ว Facebook ก็มีอะไรที่เหมือนกับ Twitter คือในการส่งข้อความเหมือนกัน แต่ในตัว facebook จะมีความหลากหลายมากกว่า เพราะมันสามารถเล่นเกมส์ สร้างกลุ่มอะไรได้มากมาย แต่คำถามคือใครเหมาะที่จะใช้ twitter และใครเหมาะที่จะใช้ facebook ผมคงฟันธงเรื่องนี้ลำบาก แต่คงแนะนำได้ว่า คนที่ใช้ twitter ส่วนใหญ่ มักจะใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารเป็นหลักมากกว่า ในขณะที่ คนที่ใช้ Facebook มักจะใช้เล่นเกมส์ ดูนั้น ดูนี้ ไปเรื่อยๆ ถ้าสังเกตุดู ข้อความที่สื่อสารใน twitter มักเป็นข้อความที่ใช้พูดคุยกันมากกว่า Facebook เพราะไปดูใน facebook คุณมักมีข้อความที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง กิจกรรม เกมส์ หรือข้อความจากระบบแอพพิลเคชั่นต่างๆ มากมาย ทำให้มันไม่เหมาะสมกับใช้สื่อสารกันเป็นหลัก และสำหรับใน Twitter เราก็มักจะเห็นพูดคุย สื่อสาร แบ่งปันข้อมูลกันอย่างมาก
แล้วจะใช้บริการไหนดีเนี่ย?
จริงๆ ก็ใช้มันทั้งสองตัวเลยละกัน.! เพราะจริงๆ แล้ว Facebook กับ twitter มันก็เชื่อมโยงกันได้น่ะ เพียงแค่คุณเข้าไปสมัครเพิ่มแอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า "ทวิตเตอร์ (twitter)" (http://www.facebook.com/twitter) ใน Facebook เพียงเท่านี้คุณก็สามารถเชื่อมโยงทั้งสองบริการเข้าด้วยกันง่ายๆ หลังจากลงแอพพิเคชั่นนี้ใน Facebook ไปแล้ว หลังจากนั้นเพียงแค่คุณส่งข้อความไปใน twitter หรือ Facebook ข้อความจะถูกส่งไปใน อีกบริการอย่างอัตโนมัติทันที ทำให้คุณสามารถ บริหารจัดการ และสื่อสารได้ทุกๆ บริการได้ง่ายมาก
![]() |
เพียงแค่นี้หละครับ คุณก็สามารถสื่อสาร และเข้าถึงบริการทั้ง twitter และ facebook ได้อย่างง่ายๆ รวมถึงยังสามารถพูดคุยกับคนได้ครบทุกๆ ช่องทาง ซึ่งหากจะแนะนำผมขอแนะนำให้คุณ ใช้โทรศัพท์มือถือของคุณเข้าบริการทั้ง Facbook และ Twitter เพราะจะทำให้คุณสามารถไม่พลาดและสามารถสื่อสารกับคนใน Network คุณได้ตลอดเวลา แต่ก็อย่ามั่วแต่คุยกับคนใน Facebook หรือ Twitter ซะเพลินจนลืม เพื่อน หรือคนรอบข้างในโลกจริงๆ ของคุณซะละ ตอนนี้ก็เริ่มเห็นกันมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นมาเจอหน้ากัน แต่ไม่คุยกัน เอาแต่ก้มหน้าก้มตา คุยแต่กับมือถือ ไม่คุยกันเลย ดังนั้นควรจะแบ่งเวลาให้ถูก และเมื่อเริ่มใช้จนชิน ก็ลองเริ่มมองว่า เราจะประยุกต์ Social Network นี้ให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน หรือการทำธุรกิจได้อย่างได้บ้าง ซึ่งผมเองได้กล่าวมาแล้วในบทความก่อนหน้านี้ หรือลองไปดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.pawoot.com นะครับ