ผมมีโอกาสได้เดินทางไปประชุมของกลุ่มนักลงทุนที่ฮ่องกงในงาน Asia Leader Summit มีบรรดานักลงทุนและบริษัทเทคโนโลยีจากอาเซียนจะเดินทางมาเข้าร่วมกันจำนวนมาก เป็นงานที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง เราจะเห็นภาพรวมของบรรดาธุรกิจสตาร์ทอัพที่มีอยู่ในโลกตอนนี้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง สิ่งที่น่าสังเกตมากในงานก็คือตอนนี้จีนเป็นประเทศที่มีความร้อนแรงมากที่สุดในเรื่องการลงทุนเรื่องสตาร์ทอัพ และอินเดียกำลังเป็นตลาดแห่งใหม่ที่นักลงทุนต่างสนใจที่จะไปลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพเช่นกัน 

ภายในงานได้มีการพูดถึงกลุ่มธุรกิจใหญ่ๆ อย่าง Alibaba และ Tencent ที่กำลังจะกลายเป็นยักษ์ตัวใหญ่มาก ซึ่งในทริปนี้ผมได้แวะไปที่ออฟฟิศของ Tencent ในเซินเจิ้นด้วยเช่นกัน Tencent เป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตหรือบริษัทเทคโนโลยีอันดับหนึ่งของจีน เจ้าของเดียวกับ WeChat หรือ WeChat Pay ที่เป็นระบบชำระเงินอันดับหนึ่งที่คนจีนใช้กันอยู่ นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าของบริษัทเกม RoV, Sanook.com ของประเทศไทย และยังถือหุ้นใน Shopee ด้วยเช่นกัน นับว่าเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่มากเพราะมีจำนวนพนักงานเกือบๆ 20,000 กว่าคน 

ทริปนี้ทาง Tencent พาไปชมซูเปอร์มาเก็ตที่เขาว่าเป็นแบบ AI คือเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตที่ไม่มีพนักงาน ไม่มีเคาน์เตอร์สำหรับจ่ายเงิน วิธีการซื้อสินค้าคือเมื่อเลือกสินค้าได้แล้วก็เปิดแอปพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือแล้วสแกนบาร์โค้ด เท่านี้ก็สามารถเดินออกจากร้านได้เลย

หรือถ้าเราไม่ได้เอาโทรศัพท์มือถือไปหรือลืมโทรศัพท์ไว้ที่ไหนสักแห่งแต่อยากจะซื้อของก็ใช้วิธีจ่ายด้วยใบหน้า face recognition ก็สามารถจ่ายเงินได้เช่นกัน พูดง่ายๆ ก็คือหยิบของมา สแกน ส่องหน้าตัวเอง แล้วเดินออกมาได้ทันที และเขายังบอกว่าภายในปีนี้จะเปิดให้ได้ 100 สาขาทั่วประเทศจีน จากตอนแรกที่เคยได้ยินจากเพื่อนฝูงว่าตอนนี้ประเทศจีนล้ำหน้ามาก พอผมมาพบกับเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ามากในจีนด้วยตัวเอง บอกได้เลยว่าเขาไปไกลแล้วจริงๆ 

สิ่งที่น่าสนใจอย่างมากในเซินเจิ้นคือเรื่องของสตาร์ทอัพที่ทำเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านฮาร์ดแวร์ ในทริปนี้ผมได้ไปชมงานที่บริษัท UBTECH ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับ humanoid robotic เขาจัดโชว์หุ่นยนต์ที่สามารถเดินเองได้ให้ชม หุ่นยนต์เหล่านี้เป็นฝีมือของบรรดาเอนจิเนียร์ที่เป็นเด็กรุ่นใหม่ของจีนซึ่งมันล้ำหน้ามาก

มีพวกหุ่นยนต์ที่สามารถออกมาต้อนรับผู้คน มาพูดคุย สามารถสั่งด้วยเสียงได้ซึ่งนี่เป็นเรื่องปกติของที่นี่ไปแล้ว ในแง่ของการสร้างหุ่นยนต์ของจีนวันนี้เรียกว่าก้าวหน้ามากๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทรงตัว การวิ่ง การเดิน และอื่นๆ เรียกว่าตามพวก boston dynamics robot มาติดๆ เราจะเห็นเทคโนโลยีเหล่านี้ในเซินเจิ้นได้ไม่ยากเลย 

อีกเรื่องหนึ่งที่เห็นได้ชัดมากในจีนตอนนี้ก็คือ โฉมหน้าเรื่องการค้าที่เปลี่ยนไปแล้ว แจ็ค หม่า เคยได้พูดคำคำหนึ่งไว้คือคำว่า New Retail นั่นก็คือการค้ารูปแบบใหม่ของที่นี่ ตามที่ผมเล่าไปบ้างแล้วเมื่อตอนต้น เรื่องของการซื้อของแบบใหม่ในซูเปอร์มาร์เก็ตที่แค่หยิบแล้วสแกนแล้วออกไปจากร้านได้เลย

ฉะนั้น ธุรกิจค้าปลีกที่จีนกำลังเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะว่าเริ่มมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ทั้ง face recognition หรือระบบจดจำใบหน้า ระบบ QR Code ระบบร้านค้าที่ใช้ AI เข้ามาจัดการ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วมาก ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากการแข่งขันกันอย่างหนักหน่วงของสองค่ายยักษ์ใหญ่คือ Tencent ของ โพนี่ หม่า และ Alibaba ของแจ็ค หม่า 

เซินเจิ้นที่เมื่อ 40 ปีก่อนยังเป็นเพียงเมืองประมงเล็กๆ แต่ปัจจุบันนี้มีคนบอกว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกไปแล้วทั้งในแง่ของจำนวนประชากรและเทคโนโลยีต่างๆ ฉะนั้น ใครที่อยากจะมาเซินเจิ้นก็ง่ายมากบินมาฮ่องกงแล้วข้ามเซินเจิ้นได้แล้ว ลองมาดูบรรยากาศของที่นี่มันเป็นคนละเรื่องกับที่เคยเห็นมาเลย ตอนนี้กลายเป็นเมืองที่ทันสมัย ก้าวหน้าล้ำไปมากเลยทีเดียว คนที่นี่สามารถทำทุกอย่างผ่านมือถือได้หมด

การเดินทางไปต่างประเทศเพื่่อเจอธุรกิจใหม่ๆ เจอเพื่อนใหม่ๆ การไปเรียน Class อะไรใหม่ๆ ส่วนตัวผมมองว่าเป็นสิ่งจำเป็นของการทำธุรกิจ โดยเฉพาะตอนนี้ที่ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมาก คนที่เป็นผู้นำองค์กรหากมัวแต่อยู่ใน Operation ธุรกิจโดยไม่ออกไปเปิดหูเปิดตาดูอะไรใหม่ๆ ธุรกิจของคุณก็คงไม่มีอะไรใหม่ หากใครเป็นเจ้าของธุรกิจผมแนะนำว่าควรหางาน trade show งานสัมมนาที่ต่างประเทศ ออกไปฟัง ออกไปดู ออกไปรู้อะไรใหม่ๆ บ้าง แล้วการเดินทางจะสร้างอะไรใหม่ๆ ให้กับทั้งตัวเองและธุรกิจได้จริงๆ