<![CDATA[
เป็นข่าวขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อคนในแวดวงเว็บไซต์ทั่วประเทศชุมนุมกัน เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการสภาวิชาชีพผู้ดูแลเว็บไทย จำนวน 9 คนเพื่อยกระดับมาตรฐานวิชาชีพผู้ดูแลเว็บไทย พร้อมปฏิบัติหน้าที่ตามธรรมนูญสภาวิชาชีพผู้ดูแลเว็บไทย พ.ศ.2546 ด้านนักวิเคราะห์เชื่อหากรวมตัวกันติดในช่วงที่กระแสธุรกิจดอทคอมมีสัญญาณฟื้นสูง อาจส่งผลให้ปี 2547เป็นปีที่ดีปีหนึ่งของวงการอีคอมเมิร์ซไทย
เวลา 13.00 น. ของวันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตัวแทนจากเว็บไซต์ ชื่อดัง อาทิ Siam2you.com, Kapook.com, Truehits.net, Siamguru.com, Police.go.th ฯลฯ รวมตัวกันห้องประชุมอิสรา อมันตกุล อาคารสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เพื่อทำการเลือกตั้งคณะกรรมการสภาวิชาชีพผู้ดูแลเว็บไทย จำนวน 2 ประเภท โดยประเภทที่ 1 เป็นประเภทเจ้าของเว็บไซต์ และประเภทที่ 2 คือผู้แทนเว็บไซต์และนักพัฒนาเว็บไซต์ที่เจ้าของเว็บไซต์ได้ลงนามรับรองแล้ว โดยมีพ.ต.อ. ญาณพล ยั่งยืน นายกสมาคมผู้ดูแลเว็บไทยเป็นประธานในพิธี
อาชีพเว็บมาสเตอร์เป็นอาชีพที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานในสังคมไทย จึงยังไม่ค่อยมีการส่งเสริมจากภาครัฐมากนัก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรวมตัวกันเพื่อให้อาชีพนี้เป็นที่ยอมรับมากยิ่งขึ้น เพราะเว็บมาสเตอร์เป็นอาชีพที่ค่อนข้างใหม่ ที่ผ่านมาคนกลุ่มนี้ทำงานกันเองเดี่ยวๆ เวลามีปัญหาทางกฏหมาย หรือปัญหาอื่นๆ ทำให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างค่อนข้างลำบาก เลยมีการจัดตั้งสมาคมผู้ดูแลเว็บไทยขึ้นให้ถูกกิจจะลักษณะ และคราวนี้ก็ได้มีการจัดตั้งสภาวิชาชีพขึ้นมาอีก ก็เหมือนการเริ่มต้นทำงานกันหลายคน บางคนอาจจะตั้งข้อสงสัยว่า ว่ารวมตัวกันได้อะไรขึ้นมา เมื่อก่อนอยู่เป็นอิสระไม่อยู่ในกรอบบังคับอะไรเลยจะดีกว่าไหม แต่อาจจะมองได้ว่าเมื่อเกิดการรวมตัวกันได้ และทำงานกันเป็นทีม สังคมคนทำเว็บฯ จะเกิดการแลกเปลี่ยน เกิดการส่งเสริมซึ่งกันและกันมากขึ้น และอาชีพเว็บมาสเตอร์เป็นที่ยอมรับของสังคมไทยมากขึ้นและการรวมตัวกันจัดตั้งเป็นสภาวิชาชีพขึ้นมากช่วยให้เวลาคนทำเว็บหรือผู้บริโภคเกิดมีปัญหาก็ไม่รู้จะหันไปพึ่งใคร รัฐบาลก็ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือเท่าที่ควร ก็สามารถให้ทางสภาฯสามารถเป็นตัวกลางในการช่วยเหลือได้
คนทำเว็บส่วนใหญ่เชื่อดอทคอม Turn Around
ในปีหน้าโมเดลในการสร้างรายได้จากธุรกิจเว็บไซต์จะมีรูปแบบที่ชัดเจนมากขึ้น และคงไม่เป็นฟองสบู่อย่างที่ผ่านมา ภายในปีหน้าภาคธุรกิจจะนำเว็บไซต์เข้าไปผนวกเข้ากับธุรกิจมากขึ้น มีการซื้อขายและการทำ Transaction ผ่านทางเว็บไซต์มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดด้าน web service, payment และอีกจุดหนึ่งที่น่าจับตามองก็คือเรื่องของ Mobile Application ที่จะเข้ามามีผลต่อแวดวงเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซมากยิ่งขึ้น โทรศัพท์มือถือจะรวมกับเว็บไซต์มากยิ่งขึ้น อย่างที่เห็นกันได้ว่ามีบริษัทที่เปิดตัวขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะอาทิ บริษัทผู้ให้บริการบางแห่งได้มีการใช้ SMS (Short Message Service) ให้ผู้ชมโทรทัศน์มีส่วนร่วมกับรายการมากขึ้น
และตอนนี้ในต่างประเทศเว็บไซต์ Google.com เว็บเสิร์ชที่เราทุกคนรู้จักกันดีนี้กำลังจะเข้าตลาดหุ้น Nasdaq ซึ่งแน่นอนว่า Google.com ถูกจับตามองมากเพราะเขาคือเว็บไซต์รายใหญ่ที่สุดที่เดินเข้าตลาดหุ้น นับตั้งแต่ธุรกิจดอทคอมล้มลงไปเมื่อหลายปีก่อน หากผลประกอบการของ Google ดี มั่นใจว่านักลงทุนและอีกหลายๆ เว็บไซต์จะต้องเดินกลับเข้าตลาดหุ้นครับ จากนั้นมันก็จะส่งผลมาถึงบ้านเราได้ และโชคดีที่บ้านเรามีโครงการคอมพิวเตอร์เอื้ออาทร บรอดแบนด์เอื้ออาทร ที่มีราคาถูก อย่างบรอดแบนด์นี่เหลือหลักไม่กี่ร้อยบาท ซึ่งอาจจะเป็นข่าวไม่ดีของ ISP (Internet Service Provider) หลายเจ้าที่กำไรอาจจะหดหายลงไปบ้าง แต่ภาพรวมแล้วผู้ใช้อินเตอร์เน็ตก็จะเพิ่มขึ้น อย่างที่เกิดขึ้นกับต่างประเทศมาแล้วว่ามีลดราคา ค่าชั่วโมงอินเตอร์เน็ตทำให้คนหันมาใช้อินเตอร์เน็ตกันมากยิ
่งขึ้น และมันก็ส่งผลด้านบวกให้กับเว็บไซต์ทั้งรายใหญ่รายย่อยด้วย เพราะสามารถหาโฆษณาได้มากขึ้น
แต่สำหรับเมืองไทย การทำธุรกิจออนไลน์ล้วนๆ คงจะไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก หากแต่ต้องทำออฟไลน์ควบคู่กันไปด้วย เมืองไทยยังไม่พร้อมที่จะกลับมาโตได้อย่างเต็มที่ ตราบใดที่ผู้บริโภคยังมองกันว่าเนื้อหาบนเว็บไซต์เป็นของฟรี เราต้องขายมันให้ได้ และมันทำได้แล้ว ยกตัวอย่างผมทราบมาว่ามีเว็บไซต์ดูดวงในประเทศจีนเว็บหนึ่ง ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย เขาเก็บค่าสมาชิกที่อยากดูดวงกับเขาเดือนละ 25 บาท ปรากฏว่าคนมาสมัครสมาชิกกับเว็บไซต์นี้กว่า 8 หมื่นคน นี่มันชี้ว่าการขายเนื้อหาบนเว็บไซต์มันทำได้ ซึ่งเราคงต้องมาดูกันว่าในปีหน้า ธุรกิจดอทคอมในเมืองไทย จะออกมาในรูปแบบอย่างไร? มารอดูกันครับ…
Pawoot Pongvitayapanu
4/12/03
บทความนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ หากต้องการนำไปใช้ที่อื่นๆ แจ้งนิดนึงนะครับที่ pawoot@tarad.com
]]>