<![CDATA[
หากมองเปรียบเทียบธุรกิจเว็บไซต์หรือดอทคอม ในเมืองไทยกับที่อเมริกา จะเห็นว่ามีความแตกต่างกันอย่างมาก ในขณะที่อเมริกาตอนนี้ธุรกิจดอทคอมหลายๆ แห่งกำลังจะฟื้นตัวและสามารถสร้างรายได้ ได้อย่างมหาศาล จนหลายๆ คนบอกว่า กำลังจะเป็นยุคที่ธุรกิจดอทคอมกำลังจะกลับมา ซึ่งหาเปรียบเทียบกับธุรกิจเว็บไซต์ในเมืองไทย จะพบว่าตอนนี้มีความแตกต่างกันอย่างมาก โดยหลายๆ แห่งเริ่มมีการลดขนาดของธุรกิจหรือเปลี่ยนรูปแบบการ ของธุรกิจออกไปเพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัท แต่สาเหตุที่ธุรกิจดอทคอมเมืองไทยไม่สามารถอยู่ได้ ก็เนื่องจากไม่สามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ที่ทำเว็บไซต์ได้ ซึ่งส่วนใหญ่หากถามผุ้ที่ทำเว็บไซต์มักมองรายได้จากการ "โฆษณา" เพียงอย่างเดียว จึงทำให้ช่องทางการทำรายได้ของผู้ทำเว็บแคบลงอย่างมาก ซึ่งจริงๆ แล้วเราสามารถหารายได้จากการทำเว็บ ได้มากกว่าการทำโฆษณาได้หลายวิธี ซึ่งวันนี้ผมขอ พูดถึงการทำการขายสินค้า หรือการทำ E-Commerce ผ่านหน้าเว็บไซต์ของคุณ
การขายสินค้าหรือการทำ E-Commerce
หากเว็บไซต์ของคุณเป็นเว็บไซต์ที่ไม่ได้เกี่ยวกับ E-Commerce เลย ผมเองก็ขอแนะนำให้คุณลองเริ่มต้นการทำการค้าขาย หรือ E-Commerce ในเว็บของคุณ สิ่งที่จำเป็นต้องทำอย่างแรกก็คือ
การทำ Research ความต้องการของผู้ที่เข้ามาในเว็บไซต์ของคุณ
โดยคุณจะต้องรู้ก่อนว่าผู้ที่เข้ามาเว็บไซต์ของคุณเป็นใคร คนกลุ่มไหน ชอบหรือมีพฤติกรรมอย่างไร? ซึ่งหากคุณรู้แล้วว่าผู้ที่เข้ามาเว็บไซต์คุณเป็นใคร การนำสินค้ามาขายผ่านหน้าเว็บของคุณ ก็ควรจะตอบสนองต่อความต้องการของผู้ที่เข้ามาเว็บไซต์คุณ ซึ่งการขายสินค้าที่ตรงกับความต้องการกับผู้ที่เข้ามาในเว็บไซต์จะมีโอกาสการขายได้มากกว่า และการโฆษณาขายสินค้าภายในเว็บไซต์ของคุณก็ไม่มีค่าใช้จ่ายในการโฆษณาอะไรเลย เพราะเป็นการโฆษณาภายในเว็บไซต์ของคุณเองการหาสินค้ามาขายผ่านหน้าเว็บ
การหาสินค้ามาขายผ่านหน้าเว็บไซต์คุณมีหลายวิธีซึ่งแต่ละวิธีก็มีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปได้แก่
- การซื้อสินค้ามาเก็บไว้
คุณอาจจะหาซื้อสินค้า แล้วนำมาขายผ่านหน้าเว็บไซต์ได้เลย แต่วิธีนี้อาจจะต้องลงทุนก่อนในตอนแรก เพราะต้องซื้อมาก่อน เพื่อลงประกาศขายผ่านหน้าเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งคุณอาจจะต้องเสี่ยงต่อการที่สินค้าขายไม่หมดและสินค้าอาจจะเหลือได้ หากไม่สามารถขายสินค้าได้หมด - การนำสินค้าจากแคตตาล๊อกมาขาย (จับเสือมือเปล่า)
คุณอาจจะไปสมัครเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า ซึ่งหลังจากสมัคร คุณจะได้แคตตาล๊อกสินค้า และสามารถนำข้อมูลสินค้าจาก แคตาล๊อกสินค้ามาลงประกาศขายผ่านหน้าเว็บเลยก็ได้เลย โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องซื้อสินค้าเหล่านั้นมาเก็บไว้ก่อน โดยหากมีผู้ที่สนใจสั่งซื้อสินค้าเข้ามา คุณก็สามารถทำการสั่งซื้อสินค้าจากแคตตาล๊อก แล้วนำไปส่งให้กับลูกค้าคุณได้ แต่สิ่งที่คุณต้องระมัดระวังในการทำรูปแบบนี้คือ ระยะเวลาที่ส่งสินค้าให้กับลูกค้า และต้องแน่ใจว่าสินค้าที่นำมาขายจากแค๊ตตาล๊อกนั้นมีจริง ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่สะดวกและสามารถหาสินค้าที่หลากหลายมาลงขายไว้ในเว็บไซต์ตัวเองได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีสินค้าอยู่เลย - การนำสินค้าจากพันธมิตรมาขาย
คุณสามารถติดต่อพันธมิตร (Partner) ที่มีสินค้าที่ตรงกับความต้องการกับลูกค้าของเว็บไซต์คุณ และขอนำสินค้ามาวางขายที่หน้าเว็บไซต์ของคุณ และเมื่อมีการขายสินค้าได้ คุณอาจจะของค่าคอมมิชชั่นในการขายสินค้าทีสามารถขายผ่านได้จากหน้าเว็บไซต์ของคุณ โดยมีการตกลงส่วนแบ่งรายได้ที่ชัดเจนไว้ก่อน โดยวิธีนี้จะคล้ายๆ กับการฝากขายสินค้า ซึ่งสามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น
– เมื่อมีการขายได้ผ่านหน้าเว็บ คุณจะส่งรายการการสั่งซื้อจากลูกค้าของคุณให้ทางพันธมิตรเป็นคนส่งสินค้าให้
– คุณเก็บสินค้าเอาไว้ และเมื่อมีการขายได้ คุณก็เป็นคนส่งเอง
ซึ่งแต่ละวิธีก็จะมีรูปแบบความเหมาะสมแตกต่างกันออกไป โดยทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสะดวกของคุณและพันธมิตร
การตั้งราคาสินค้า
สินค้าที่ขายผ่านหน้าเว็บไซต์จะเป็นการขายตรงไปยังกลุ่มลูกค้าโดยตรง ซึ่งคุณสามารถตั้งรา
าได้ถูกกว่า ราคาที่ขายอยู่ตามท้องตลาดโดยทั่วไปเพราะต้นทุนทางการบริหารและการจัดการ เมื่อเปรียบเทียบกับการขายสินค้าผ่านหน้าร้านค้าทั่วไปจะมีต้นทุนถูกกว่ามาก เพราะการขายสินค้าผ่านหน้าเว็บไซต์ ไม่จำเป็นต้องเสียค่าเช่าหน้าร้าน, ไม่ต้องเสียค่าจ้างพนักงานเฝ้าร้านและขายสินค้า, ไม่ต้องเสียค่าน้ำ-ค่าไฟ และค่าอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้ต้นทุนสินค้าถูกกว่า และสามารถตั้งราคาสินค้าได้ถูกกว่า ในขณะที่สามารถได้กำไรเท่ากับการขายผ่านหน้าร้านค้าทั่วไป ซึ่งการตั้งราคาสินค้าที่ถูกกว่าจะช่วยเป็นการสร้างความน่าสนใจให้กับผู้ที่เข้ามาเลือกซื้อสินค้าภายในเว็บไซต์ของคุณ และเลือกที่จะซื้อสินค้ากับคุณยกตัวอย่างเช่นการทำ E-Commerce ผ่านหน้าเว็บไซต์ของคุณ
หากคุณทำเว็บไซต์เกี่ยวกับสุนัข มีข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับสุนัข ซึ่งจากการวิเคราะห์แล้วผู้ที่เข้าเว็บคุณส่วนใหญ่จะเป็นคนที่เข้ามาหาข้อมูลเกี่ยวกับสุนัข ดังนั้นของที่จะนำสินค้ามาค้าขายทำ E-Commerce ภายในเว็บไซต์ของคุณก็อาจจะเป็นสินค้าที่เกี่ยวกับ สุนัขและสัตว์เลี้ยง เช่น อาหารสัตว์, อุปกรณ์สำหรับสัตว์ หรือขายสุนัขเลยก็ได้ โดยสินค้าที่คุณนำมา เป็นการนำมาจากพันธมิตรทางการค้าของคุณ ซึ่งคุณสามารถประกาศขายผ่านที่หน้าเว็บไซต์ของคุณได้เองเลย
นี้เป็นวิธีหนึ่งในการสร้างรายได้จากการทำเว็บไซต์ โดยมองพื้นฐานที่กลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งยังมีอีกหลายวิธีที่คุณสามารถสร้างรายได้ๆ โดยผมจะมาแนะนำเพิ่มเติมในอาทิตย์หน้าครับ ตอนนี้ก็ลองเริ่มไปหาสินค้ามาขายในเว็บของคุณได้แล้วนะครับ
โดย Pawoot P. 14/03/04
บทความนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ หากต้องการนำไปใช้ที่อื่นๆ แจ้งนิดนึงนะครับที่ pawoot@tarad.com
]]>