<![CDATA[
เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 48 ที่ผ่านมา บริษัทผลิตเสื้อผ้าชั้นนำของอเมริกา GAP ได้ปิดปรับปรุงเว็บไซต์ในเครือของตัวเองได้แก่ www.GAP.com, BananaRepublic.com และ OldNavy.com ซึ่งเว็บไซต์ทั้งหมดนี้เปิดให้บริการให้คนทั่วโลกสามารถสั่งซื้อเสื้อผ้าได้โดยตรงผ่านเว็บไซต์ ซึ่งในการปิดปรับปรุงครั้งนี้ทำให้เว็บไซต์แห่งนี้ ศูนย์เสียลูกค้าไปนับพันๆ คนและรายได้หลายล้านดอนลาร์เลยทีเดียว แต่การปิดครั้งนี้ดูเหมือนจะคุ้มค่า เพราะหลังจากที่เปิดให้บริการมา นักวิเคราะห์หลาย ๆ ฝ่ายในอเมริกาต่างให้ความเห็นว่า เป็นบริการที่ก้าวล้ำนำคู่แข่งไปหลายช่วงตัวเลยทีเดียว ด้วยบริการที่ช่วยทำให้ผู้ซื้อสามารถลดจำนวนครั้งในการคลิกเพื่อซื้อสินค้าผ่านหน้าเว็บไซต์ของตนได้อย่างมากผ่านบริการ "ควิกลุ๊ก (Quick Look)"
Quick Look
โดยบริการควิกลุ๊กนี้จะแสดงออกเมื่อผู้ซื้อสนใจสินค้าและนำเมาส์ไปวางเหนือภาพสินค้า (Mouse-Overs) ภายในเว็บไซต์ของ GAP ซึ่งจะปรากฏเมนูควิกลุ๊กออกมาเหนือภาพสินค้า และลูกค้าสามารถกดดูรายละเอียดของสินค้าชิ้นนั้นๆ ได้ทันที โดยจะมีหน้าต่างที่ลอยออกมา (Pop-up) เหนือภาพสินค้า ซึ่งภายในหน้าต่างนั้นจะมีข้อมูลของสินค้าทุกอย่างครบถ้วน เช่น ราคา, ขนาด, สี, จำนวน, รายละเอียด และปุ่มสั่งซื้อสินค้า ซึ่งข้อมูลทั้งหมดเป็นข้อมูลที่เพียงพอต่อการตัดสินใจในการซื้อสินค้า และเมื่อทำการสั่งซื้อสินค้า ข้อมูลการสั่งซื้อก็จะแสดงในหน้านั้นทันที โดยที่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหน้าไปยังหน้าอื่นๆ อีก ซึ่งทำให้เกิดความสะดวกกับผู้ซื้อสินค้าภายในเว็บไซต์ของ GAP โดยบริการลักษณะนี้ถือว่าเป็นบริการที่แปลกใหม่ และมีความแตกต่างจากเว็บไซต์ E-Commerce ที่อื่นๆ ซึ่งทาง GAP คาดว่าจะช่วยทำให้การสั่งซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ของตนมียอดสูงเพิ่มมากขึ้น
นาย Toby Lenk ประธานฝ่ายแค๊ตตาล๊อกและออนไลน์ของ GAP บอกว่าการใช้วิธีเมาส์วางบนภาพและ มีหน้าต่างใหม่แสดงข้อมูลสินค้าออกมา จะช่วยจำนวนครั้งการเปิดหน้าของเว็บไซต์ ในการซื้อสินค้าของลูกค้าลดลง ซึ่งจะช่วยทำให้การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ทำได้รวดเร็วและสะดวกมากขึ้น โดยในการเปลี่ยนแปลงเว็บไซต์ในครั้งนี้ ทาง GAP ได้ใช้ทีมพัฒนาเว็บไซต์ภายในของตัวเองเป็นผู้พัฒนาระบบนี้ขึ้นมา โดยมีการคาดการว่าระบบใหม่นี้ อาจใช้เวลาในการพัฒนามานานกว่า 1 ปีและใช้เงินในการพัฒนาเกือบ 10 ล้านเหรียญ ซึ่งข้อมูลในส่วนนี้ทาง GAP ไม่ได้ออกมาเปิดเผย
นาย Lenk ปฏิเสธการเปิดเผยตัวเลขของรายได้ที่ทาง GAP ได้ศูนย์เสียไปในช่วงที่ปิดเว็บไซต์เพื่อปรับปรุงระบบ แต่มีการคาดการณ์ว่า ทาง GAP น่าจะสูญเสียรายได้ไปหลายล้านดอลลาร์ แต่นาย Lenkได้เปิดเผยถึงตัวเลขของยอดขายของ GAP ที่ได้ขายผ่านช่องทางออนไลน์ในปี 2547 ที่ผ่านมามีมากถึง 500 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
แต่ถึงอย่างไรก็ดีหลาย ๆ ฝ่ายคาดว่าเทคโนโลยีหรือวิธีการที่ GAP นำมาใช้กับเว็บไซต์ของตนคงจะถูกคู่แข่งนำไปปรับและประยกต์ใช้ในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะทำให้การแข่งขันในการให้บริการค้าขายออนไลน์มีการดุเดือดมากขึ้น หากมองย้อนกลับมาที่เมืองไทย ตอนนี้การค้าขายเสื้อผ้าออนไลน์ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก เพราะด้วยจำนวนคนที่เข้ามาจับจ่ายซื้อสินค้าในเว็บไซต์ยังไม่นิยมซื้อสินค้าประเภทเสื้อผ้ามากนัก โดยจากข้อมูลจากเนคเทค คนไทยส่วนใหญ่นิยมซื้อสินค้าประเภท หนังสือ, ซอฟแวร์, ภาพยนต์ (ไม่รู้ว่าภาพยนต์ประเภทไหน?) และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ผ่านทางออนไลน์ เป็นอันดับต้นๆ ซึ่งเราคงต้องมาคอยดูกันต่อไปว่า การค้าขายผ่านออนไลน์จะมีแนวโน้มการเติบโตเป็นอย่างไร ผมมีข่าวฝากมาแจ้งว่าตอนนี้บรรดาผู้ประกอบการอีคอมเมอริซ์เมืองไทยได้มีการรวมตัวก่อตั้งเป็น "ชมรมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประเทศไทย"แล้ว ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางของการกลุ่มผู้ที่ทำอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย หากใครสนใจก็ลองเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ www.ThaiECommerce.org ครับ
]]>