ผมเป็นคนหนึ่งที่ติดตามผลงานของ Elon Musk ตั้งแต่เรื่องการผลิตรถไฟฟ้าของเทสล่า หรือตอนนี้ผมกำลังตื่นเต้นกับกระบวนการของการพัฒนาจรวดที่กำลังจะพาพวกเราไปสู่ดาวอังคารของบริษัท สเปซเอ็กซ์ ซึ่งตอนนี้กำลังจะเริ่มพัฒนาไปอีกระดับหนึ่ง
ผมเจอวิดีโอสัมภาษณ์ Elon Musk ชุดหนึ่งที่ถามถึงว่าเขามีแนวคิดอย่างไรในการพัฒนานวัตกรรมหลาย ๆ อย่าง จุดที่น่าสนใจคือเขาเป็นบริษัทที่ทำเรื่องนวัตกรรมอยู่แล้ว แต่ก็มีการคิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ขึ้นมาดิสรัปต์ตัวเองเพื่อทำให้สินค้าและบริการของเขาดีขึ้นเรื่อย ๆ วิดีโอที่ผมดูในทวิตเตอร์ เขาให้สัมภาษณ์ที่โรงงาน SpaceX ที่สตาร์เบส
5 stepในการพัฒนา product หรือนวัตกรรมต่าง ๆ นั้นเขาบอกว่า
1. คุณต้องมี requirements ที่ดี
ในการพัฒนาสินค้าและบริการต้องเริ่มต้นจากการที่มีความต้องการก่อน การจะพัฒนาสินค้าหรือบริการขึ้นมาสักตัวหนึ่ง ต้องเริ่มจากการตอบโจทย์ใความต้องการก่อน ส่วนใหญ่ requirements ที่เขาพูดถึงคือการตอบ pain หรือปัญหาของผู้ใช้ ซึ่งก็คือต้นตอของการพัฒนาสินค้าและบริการขึ้นมา
กระบวนการหนึ่งในการพัฒนาสินค้าและบริการที่ดี ซึ่งกระบวนการนี้ถูกใช้กันมาในวงการของบริษัททางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม เรียกว่าการทำ Design Thinking ซึ่งก็คือการวางแผนเข้าใจลูกค้าในการพัฒนาสินค้าและบริการ เพื่อตอบโจทย์กับผู้ใช้หรือลูกค้จริง ๆ มีอยู่ 5 ขั้นตอนด้วยกัน
1) Empathy ขั้นตอนหลักในการจะทำสินค้าและบริการขึ้นคือ Empathy ลูกค้า แปลง่าย ๆ คือการเข้าไปนั่งฟังลูกค้าไปเข้าใจลูกค้าว่าเขามีปัญหาอะไรอยู่ ต้องการอะไรจริง ๆ requirements ที่ดีต้องเริ่มการการไปฟังปัญหา ฟังจากลูกค้าว่ามีปัญหาอะไรบ้าง กระบวนการนี้สำคัญมาก ถ้าฟังมาผิดก็จะพัฒนาสินค้าหรือบริการผิดเลย
2) Define เมื่อได้ข้อมูลพื้นฐานมาแล้ว ผมจะถามก่อนว่าคุณไป Empathy ลูกค้าหรือยัง ฟังได้ดีขนาดไหน เห็นปัญหาของลูกค้าหรือยัง จากนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการ Define คือวิเคราะห์ปัญหาที่เขาเจอ จะแยกปัญหาเป็นขึ้ชิ้น ๆ แล้วรวมให้เป็นกลุ่ม ๆ
3) Ideate จากนั้นจะเข้าสู่การนำมาสร้างเป็นไอเดียขึ้นมา จะทำแบบไหนก็ทำแบบนั้นแบบนี้แบบนั้นปุ๊บ
4) Prototype เข้าสู่การทำเป็นต้นแบบขึ้นมา
5) Test เมื่อมีต้นแบบขึ้นมาแล้วจึงเข้าสู่การทดสอบ ดูว่าลูกค้าชอบหรือไม่ชอบอย่างไร
2. ลด Process ให้น้อยที่สุด
พอเริ่มเข้าสู่กระบวนการมีสินค้า เริ่มเข้าสู่การพัฒนา จะเริ่มมี process มีขั้นตอน จากการพัฒนาตัวนี้ไปตรงนั้น เขาบอกว่าขั้นที่ 2 คือพยายามลด process ให้น้อยที่สุดหรือ Delete Process ที่ไม่จำเป็นออกไป มีคำหนึ่งว่า Lean Operation คือทำให้น้อยที่สุด บางที่สุด ให้เหมาะสม ขั้นตอนเยอะไปมันก็จุกจิก มีจุดที่ให้พลาดเยอะ
บอกได้เลยว่าผมเห็นความแตกต่างขององค์กรรูปเก่ากับรูปแบบใหม่ แบบเก่าโดยเฉพาะข้าราชการ ต้องมีเอกสาร ต้องทำหนังสือเข้าไป ต้องมีกระดาษ ต้องมีหลายฝ่ายอนุมัติ ขั้นตอนเยอะ หรือองค์กรขนาดใหญ่หรือที่อยู่มานาน ๆ จะมีการทำงานลักษณะนี้เหมือนกัน นี่คือจุดอ่อนที่ทำให้องค์กรขนาดใหญ่เดินได้ช้า ต้องมีขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อป้องกันการโกง ฯลฯ
บางอย่างมันไม่จำเป็น มันทำให้เร็วได้โดยเฉพาะยุคนี้ เช่น ใช้เป็น e-Paper เป็นเอกสารออนไลน์ เดี๋ยวนี้มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่มาช่วยการทำงานมากขึ้น ท่านที่เป็นผู้บริหารที่อยากให้ธุรกิจเร็วขึ้นต้องกลับไปรื้อหรือรีวิวใหม่ว่าโครงสร้างหรือวิธีการทำงานที่เคยใช้มาตลอดหลายสิบปีนั้น อะไรที่ไม่จำเป็นเอาออกไปได้ไหม
3. สิ่งที่ทำควรจะ Simplify ทำให้ง่าย และ Optimize ทำให้มันเร็วขึ้นดีขึ้น
นี่คือหน้าที่ของผู้บริหารที่ต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมบริษัทของเรามันทำงานช้า ทำไมไม่เร็วเท่าที่ควร คุณต้องกลับไปรื้อโอเปอเรชั่นการทำงาน วิธีการทำงานของทีม ทำอย่างไรให้มันง่ายมากขึ้นกว่านี้ ไม่ใช่ต้องผ่านคน 10 คนถึงจะเดินออกไปได้ เดี๋ยวนี้วงการสตาร์ทอัพคิดปุ๊บแล้วลองดูเลย ลองเล็ก ๆ ก่อน ถ้าไม่ใช่กลับมาทำใหม่ กลับไปกลับมา ๆ จนเจอสิ่งมันใช่
สิ่งหนึ่งของ Elon Musk ที่ผมชอบคือเมื่อก่อนนาซ่าผลิตจรวดต้องใช้งบประมาณเยอะ ขั้นตอนต่าง ๆ กว่าจะออกมาได้ ฯล ยิงครั้งหนึ่งต้องใช่ถ้าพลาดก็เฟลไปเลย จึงต้องทำให้ดีที่สุด
แต่ Elon Musk ไม่ใช่ อย่างสเปซเอ็กซ์ Starship ยานอวกาศตัวใหม่ก็เปลี่ยนวัสดุ จากเดิมต้องใช้วัสดุกันไฟหลายอย่าง ต้นทุนสูงมาก เขาเปลี่ยนมาใช้เป็นอลูมิเนียม ซึ่งต้นทุนถูกมาก หาได้ทั่ว ๆ ไป และมีคุณสมบัติที่ดี
เมื่อต้นทุนในการพัฒนาจรวดถูกลงมาก เขาก็สามารถผลิตจรวดออกมาเป็นสิบ ๆ อันได้เลย ทำให้ทดสอบได้มาก ทำให้เจอข้อผิดพลาดมากขึ้น มีโอกาสในการพัฒนาไปเรื่อย ๆ
4. Accelerate Cycle Time เร่ง Cycle ให้เร็วขึ้น
ถ้าข้อ 1-3 ให้เวลาหนึ่งเดือน คุณสามารถทำให้มันเร็วขึ้นได้ไหม ให้มันเหลือสัก 3 อาทิตย์ได้ไหม ลดลงมาอีกได้ไหม ให้มันไปเร็วขึ้น Go faster ปัญหาของธุรกิจที่คนทไทยทำคือเมื่อมันเริ่มนิ่งก็ปล่อยแล้วไปทำอย่างอื่น
แต่เมื่อมันนิ่งแล้ว ยังมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่สามารถทำให้มันเร็วขึ้นได้ ดีขึ้น ต้นทุนต่ำลงได้ อาจจะได้ผลลัพธ์เท่าเดิมแต่เวลาน้อยลงคุณก็ได้เปรียบแล้ว
5. Automate
สำคัญมากและเป็นหัวใจในยุคนี้ ไม่ต้องใช้คน Go Automate เมื่อก่อนขั้นตอน 1-10 มีคนเต็มไปหมดเลย เราเร่งความเร็วลงมาจากเดือนนึงเหลือ 3 อาทิตย์ได้แล้วแต่ใช้คนอยู่ แต่เมื่อมันเริ่มนิ่งแล้วเอาหุ่นยนต์ เครื่องจักร AI มาใช้ได้ไหม เอาคนให้น้อยลง ให้มัน automate มากขึ้น
การทำงานซ้ำ ๆ ทำงานแบบเดิม ๆ หุ่นยนต์ Machine Robot หรือ AI จะเริ่มเข้ามามีบทบาทในการทำให้การทำงานหรือ Operation มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจว่าโรงงานผลิตรถยนต์ของเทสลาจึงใช้หุ่นยนต์เกือบทั้งหมด
แต่ Elon Musk ก็บอกว่าอย่าเรียงผิด เพราะตอนแรกเขา Automate โดยการใช้หุ่นยนต์ในการผลิตรถเทสลาก่อนจนต้องหยุดหันไปทำให้ Operation นิ่งก่อนจึงจะกลับมาใช้หุ่นยนต์ทีหลัง
นี่คือ 5 ปัจจัยสำคัญที่คนที่ระดับโลกเคยล้มเหลว เขาลองมาแล้ว และบอกขั้นตอนที่ถูกต้อง 1 คือ requirements ที่ดี 2 คือ process ที่ไม่จำเป็นก็ตัดออกไป 3 คือ พยายามทำให้มันง่ายและทำให้เร็วขึ้น 4คือ เร่งความเร็ว ทำอย่างไรให้ cycle time ลดลง 5 เมื่อทุกอย่างมันนิ่งขึ้นก็ทำ automation หุ่นยนต์ Robot เอาเข้ามาช่วย ให้ใช้คนน้อยลง
นี่คือ 5 ขั้นตอนที่ผมเชื่อว่ามันเป็นแนวคิด วิธีคิดของคนรุ่นใหม่ นักบริหาร นักจัดการรุ่นใหม่ หากคุณเอามาใช้กับธุรกิจปัจจุบันที่อาจเคยทำมา 10-20 ปี คุณสามารถเอามาใช้ได้เลย หนึ่ง ธุรกิจของคุณจะมีความทันสมัยมากขึ้น สอง ต้นทุนจะลดลง สาม การทำงานจะรวดเร็วขึ้นเยอะเลย