ผมอยากจะมาแชร์เทคนิคการชำระเงิบแบบใหม่ เชื่อว่าตอนนี้หลายท่านที่ทำการค้าขายออนไลน์อาจยังต้องมานั่งทำทุกอย่างแบบ manual ต้องมากรอกข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งมีขั้นตอนที่ยุ่งยากหลายอย่าง แต่ตอนนี้เราสามารถทำเรื่องของการชำระเงินให้เป็นแบบ automate ได้ ซึ่งมีเครื่องมืออยู่หลายอย่างด้วยกัน
สำหรับคนที่ทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซหรือขายของบนโซเชียลมีเดีย หากยังต้องรับเงินสดอยู่อาจทำให้ธุรกิจของคุณช้าเกินไป มาดูว่าถ้าเราอยากเปลี่ยนมาใช้วิธีอื่นที่ทำให้ง่ายมากขึ้น เราทำอะไรได้บ้าง
มาดูในฝั่งของ Payment Automation มีเครื่องมือตัวไหนที่ทำให้การค้าออนไลน์ของเราสะดวกและตอบโจทย์การทำธุรกิจมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันก็มีวิธีการชำระเงินอยู่หลายรูปแบบ เช่น
- วิธีแบบ Integrate เข้ากับเว็บไซต์ เว็บไซต์ของคุณอาจเป็นแบบโอเพ่นซอร์สที่สามารถเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ได้ จะมี plug-in ที่คุณสามารถดาวน์โหลดมาเพื่อเชื่อมต่อกับเว็บไซต์คุณได้เลยโดยการสมัครสมาชิกอย่างของ PaySolution แล้วเชื่อมต่อได้เลย หากคุณเขียนโปรแกรมเป็นหรือมีนักพัฒนาก็สามารถมาอ่านคู่มือเพื่อเชื่อมต่อได้ วิธีแรกนี้ต้องลงทุนลงแรกกันสักหน่อย
- วิธีส่ง Link ให้ลูกค้าเพื่อชำระเงิน แบบนี้ง่ายมาก วิธีการคือ เข้ามาที่หน้าการชำระเงิน สร้างลิงก์ และส่งลิงก์ให้ลูกค้าเพื่อให้ลูกค้ากรอกข้อมูล ชื่อ เบอร์โทร อีเมล์ ข้อมูลสินค้า จำนวนเงิน เมื่อลูกค้ากรอกข้อมูลครบถ้วน กดยอมรับ เท่านี้ก็จะเข้าสู่การชำระเงินได้ทันที ซึ่งก็มีหลายช่องทางทั้งบัตรเครดิต เดบิต วอลเล็ต อินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง ชำระผ่านบิลที่จุดชำระ พร้อมเพย์ ฯลฯ หรือผ่อนจ่ายก็ได้
- วิธีส่ง Link ให้ลูกค้าโดยลูกค้าไม่ต้องกรอกราคาเอง ร้านค้าจะเป็นผู้กรอกข้อมูลสินค้าและราคาก่อนส่งลิงก์ให้ลูกค้า ซึ่งวิธีนี้ในส่วนของข้อมูลสินค้าและราคาลูกค้าจะไม่สามารถแก้ไขเองได้ ลูกค้าจะสามารถกรอกได้แค่อีเมล์และเบอร์โทรศัพท์ เช่นเดียวกันเมื่อลูกค้ากดยอมรับก็จะเข้าไปที่หน้าชำระเงินได้ทันที
เมื่อมีการชำระเงินเข้ามาอย่างของ PaySolution เรามีระบบหลังบ้านที่สามารถเข้ามาดูได้ว่ามีการชำระเงินเข้ามาหรือยัง ซึ่งหน้านี้สามารถดูรายงานการสั่งซื้อได้เลยว่าตอนนี้มีผู้ชำระเงินมาแล้วกี่คน เป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ ด้วยช่องทางไหน บัตรอะไร เลขที่บัตร ที่ไหน สามารถดูได้หมด นี่คือระบบที่เรามีอยู่กันในปัจจุบันและทำให้การจ่ายเงินเป็นเรื่องง่าย
หากเราต้องการทำให้มัน automate มากขึ้น และเพื่อให้ข้อมูลที่มีอยู่ในระบบหลังบ้านเชื่อมต่อกับทีมงานได้ เช่น ลูกค้าทักแชทเข้ามา เราต้องการที่อยู่เพื่อจัดส่งสินค้า แต่เราไม่อยากให้ลูกค้าพิมพ์ที่อยู่เข้ามาในแชท เราสามารถส่งฟอร์มไปให้ลูกค้ากรอกข้อมูลได้เลย
ฟอร์มที่ส่งนั้นใช้ได้ทั้งของ Google Forms หรือที่ดูดีมีดีไซน์มากขึ้นอย่าง Typeform ซึ่งเขาจะมีเทมเพลตสำเร็จรูปไว้ให้เลือก จุดที่แตกต่างของ Typeform คือจะสวยกว่า Google Forms และสามารถทำเป็น scenario ได้ด้วย
อย่างฟอร์มของ Typeform เมื่อเราส่งลิงก์ไปให้ลูกค้ากรอกเรียบร้อยและได้ข้อมูลกลับมา เราสามารถนำข้อมูลนี้ไปเชื่อมต่อกับ Google Sheet, Zapier, Slack, Google Analytics, Hubspot, Salesforce หรืออะไรก็แล้วแต่ที่คุณมี เมื่อถึงเวลาต้องชำระเงินก็สามารถใช้ Pay Social เป็นช่องทางสำหรับชำระเงินได้ทันทีเช่นกัน ซึ่งจะมีทั้งแบบลิงก์สำหรับชำระเงิน และ QR Code ของร้านค้า
เราสามารถนำระบบเพย์เม้นต์ไปเชื่อมโยงกับระบบอื่น ๆ ได้โดยใช้เครื่องมือที่เป็น Middleware หรือซอฟต์แวร์กลางพวก cloud service ตัวที่คนนิยมใช้ เช่น Zapier ตัวกลางนี้จะเชื่อมต่อแต่ละแอป เช่น ตั้งค่าการรับเริ่มจาก Typeform เชื่อมต่อมายัง Google Sheet ได้
สามารถสร้างข้อความจากข้อมูลที่ได้มาเพื่อทำให้เป็น payment link ได้เลย และทำการส่งลิงก์ไปให้ลูกค้า อารมณ์เหมือนลูกค้าสั่งซื้อสินค้าปุ๊บก็จะได้ลิงก์เพื่อชำระเงินส่งไปทางอีเมล์ปั๊บ สำหรับการเชื่อมต่อมาที่อีเมล์ เราสามารถเข้าไปทำการตั้งค่าได้ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก ข้อมูลต่าง ๆ เราสามารถดึงมาได้ตลอดเวลา นี่คือการนำเครื่องมือที่เป็นพวก cloud service ทั้งหลายมาร้อยเรียงกันให้เกิดความสะดวกในการทำธุรกิจ
แต่ปัญหาต่อมาคือ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกค้าชำระเงินแล้ว
สำหรับ PaySolution เรามีระบบหลังบ้านให้เข้าไปดูได้ แต่บางร้านค้าอาจมีการบริหารจัดการเองผ่านตัวกลางต่าง ๆ เช่น Google Sheet ฯลฯ อยู่แล้ว ซึ่งก็ต้องไปดูที่ตรงนั้นก่อนเพื่อกระจายงานต่อ
วิธีการเชื่อมต่อตัวกลางอย่าง Zapier คือเขาจะมีตัวที่รับสัญญาณจากการส่งเป็นเว็บเรียกว่า webhook ซึ่งจะคอยส่งสัญญาณกลับไปว่าเกิดสัญญาณนี้ขึ้น แล้วกำหหนดให้ทำอะไรต่อไป เช่น มีคนชำระเงินมาแล้วก็จะส่งกลับไปที่ webhook ว่ามีการชำระเงินเรียบร้อยแล้ว กี่บาท ก็อาจมีการตั้งค่าให้ส่งอีเมล์กลับไปหาลูกค้าอีกทีก็ได้
ข้อดีคือเราไม่ต้องมาทำทีละครั้ง เป็นการทำเทมเพลตไว้ส่งอัตโนมัติได้เลย ซึ่งที่ PaySolution เองก็มีเครื่องมือในการส่งที่เรียกว่า Post Back URL คุณสามารถนำ webhook มาใส่ที่นี่ได้เลย โดยจะมีการส่งพารามิเตอร์ที่ลูกค้าชำระเงินเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นหมายเลขอ้างอิง ประเภทของบัตร ประเภทของการชำระ รายละเอียดสินค้า อีเมล์ลูกค้า จำนวนเงิน ฯลฯ ให้ยิง webhook กลับไปที่ Zapier อีกที
หลังจากรับ webhook เราจะมีการอัปเดตเพื่อส่งอีเมล์หาลูกค้าซึ่งอาจเป็นอีเมล์คอมเฟิร์มออเดอร์ให้ลูกค้าทราบว่าการสั่งซื้อนั้นสำเร็จแล้ว หรือแล้วแต่ว่าต้องการให้เป็นอย่างไร
ข้อดีอีกอย่างที่สำคัญคือ เมื่อทุกอย่างถูกเอามารวมกัน หากร้านค้าต้องการใช้ข้อมูลใดก็สามารถนำไปใช้ได้ง่าย หรือหากต้องการให้มีการแจ้งเตือน เชื่อมต่อแอป อัปเดตแอปหรือโซเชียลมีเดีย ฯลฯ ก็สามารถทำได้หมดโดยแอปตัวกลางอย่าง Zapier นั่นเอง นอกจากนี้ยังสามารถนำข้อมูลไปทำอย่างอื่นได้อีกด้วย
นี่คือการประสานเครื่องมือการชำระเงินกับเครื่องมือการทำ Automation ซึ่งจะทำให้เกิดรูปแบบการทำธุรกิจหรือการจ่ายเงินในรูปแบบต่าง ๆ ที่ดีมากขึ้น ผมแนะนำให้คุณลองสมัครใช้บริการด้วยตัวเองเพื่อจะได้เข้าใจได้มากขึ้นที่ www.paysolutions.asia จะมีทั้ง 3 รูปแบบที่บอกไปข้างต้น แอบกระซิบว่าหากสมัครแบบเป็นลิงก์ก็จะผ่านเร็วหน่อยครับ สมัครแล้วใช้ได้ทันที
แต่อย่างไรก็ตาม สมัครแล้วเวลาจะรับเงินก็ต้องมีการส่งเอกสารยืนยันตัวตนก่อนนะครับ เพราะ Pay Solution ยังถูกกำกับโดยแบงก์ชาติและ ปปง. เพื่อป้องกันการฟอกเงิน ยังมีกฎหมายควบคุมไว้อยู่ แต่เป็นการทำครั้งแรกครั้งเดียวเท่านั้นครับ