ผมกำลังสนใจและเห็นหลาย ๆ ธุรกิจกำลังพูดถึงการจะออกโทเคนหรือคริบโตของตัวเอง อย่างร้านกาแฟ Class Cafe จากโคราช ของคุณกอล์ฟ-มารุต ชุ่มขุนทด ตอนนี้มีหลายสาขา และได้รับการระดมทุนจากนักลงทุนหลาย ๆ คน ตอนนี้คุณกอล์ฟกำลังจะออก ico หรือออกเหรียญให้คนเข้ามาซื้อได้ หรือตอนนี้รอบ ๆ ตัวผมก็ได้ยินว่าหลายบริษัทก็กำลังจะออกเหรียญของตัวเองออกมา 

ในปี 65 ผมว่าไม่เกิน Q1 เราจะเจอเหรียญที่เป็นคริปโตออกมาอีกเยอะ อย่างในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาเราจะเห็นความร้อนแรงของเงินคริปโตที่เป็นสกุลเงินที่ออกโดยคนไทย ไม่ว่าจะเป็นเหรียญ KUB เหรียญ JFIN หรือหลาย ๆ เหรียญที่ออกมาได้รับความนิยมมากเลยทีเดียว ตรงนี้จึงเป็นกระแสที่หลาย ๆ คนหรือเจ้าของธุรกิจอยากจะออกเหรียญหรือโทเคนของตัวเองออกมาด้วยเหมือนกัน

การออกเหรียญพวกนี้เมื่อก่อนอาจจะเป็นเรื่องที่จำกัดหรือลำบากแต่เดี๋ยวนี้ไม่ยากเท่าไหร่ และกฎหมายก็มีกรอบที่ชัดเจนแล้วว่าอันไหนที่ถูกควบคุม อันไหนที่ออกมาแล้วไม่ต้องควบคุม ฉะนั้น คนที่อยากจะทำออกมาก็มีเส้นทางที่ชัดเจนในการออกและระดมเงินง่าย ๆ 

โดยส่วนตัวของผมเองอย่างที่เคยเล่าให้ฟังว่าจะเปิดกองทุน ผมเองก็สนใจที่จะออกโทเคนหรือออกเหรียญ แต่ของผมจะเป็นแบบ Security Token คือออกไปแล้วจะผูกกับมูลค่าหุ้นของกองทุนนี้ ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ครับ

แต่บอกได้เลยว่า Q1 ปีนี้จะเป็นปีที่เราจะเริ่มเห็นวงการคริปโตของประเทศไทยร้อนแรงมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลย ผมเชื่อว่าตอนนี้ Bitkub เองก็ดี Satang หรือแม้แต่ Zipmex หรือผู้ให้บริการคริปโตในประเทศไทย มีหลาย ๆ ธุรกิจรุมจีบอยากให้มาทำธุรกิจร่วมกัน ฯลฯ 

ผมเองมีธุรกิจเพย์เมนต์เกตเวย์ที่รับชำระเงินออนไลน์อยู่ ที่เพิ่งผ่านมาได้เปิดให้มีการรับชำระเงินด้วยคริปโตได้ คือลูกค้าสามารถใช้คริปโตจ่ายเงินให้กับธุรกิจได้เลย ถึงแม้ว่าจะมีความกังวลเรื่องของการเอาเงินสีเทา ๆ มาฟอกเงิน เรื่องนี้ผมทราบดีอยู่แล้ว และได้มีมาตรการป้องกันตรงนี้ด้วยอยู่แล้วเหมือนกัน

ผมอยากให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้าด้วยการนำนวัตกรรมเข้ามาใช้ ถ้าแบงก์ชาติไม่ให้ผมทำ ผมก็ยืนยันได้เลยว่าผมคงไปเปิดบริษัทที่เมืองนอก และผมก็คงยกนวัตกรรมตัวนี้ไปทำ ผมเองคงไม่หยุด หากคุณเป็นคนทำหรือคิดอะไรบางอย่างแล้วเจอกรอบหรือกฎระเบียบ แล้วคุณหยุดหรือกลับมาเดินตามกรอบนั้น ผมว่าไม่ใช่วิธีการของคนสร้างสรรค์นวัตกรรม ฉะนั้นไม่มีอะไรหยุดผมได้ 

หากมีกรอบในประเทศไทย มันก็มีวิธีการอื่นที่มันไปได้ เช่น ผมอาจจะจ้างคนไปเปิดบริษัทที่ต่างประเทศ เดี๋ยวนี้การเปิดบริษัทที่ต่างประเทศนั้นง่ายมาก และผมสามารถโยกธุรกิจของผมที่เป็นออนไลน์ไปอยู่ต่างประเทศได้เลยทันที  หากผมมีบริษัทที่ต่างประเทศผมก็ให้บริการได้เลย และถ้าผมทำธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องคริปโตผมคงไม่มองคนไทย เพราะว่าตลาดไทยมันเล็กจริง ๆ ผมคงเบนเข็ใมไปโฟกัสที่ลูกค้าต่างประเทศดีกว่า

ตรงนี้เองครับอยากให้ทุกท่านมองว่าหากคุณเปิดตากว้าง ๆ จะเห็นว่าการทำธุรกิจวันนี้มันไม่มีกรอบอีกต่อไปแล้ว มันอาจมีกรอบที่เราเห็น แต่เราสามารถยกตัวเองและพาตัวเองเดินข้ามกรอบนั้นไปสู่กรอบใหม่ที่อาจจะเตี้ยลงหรือเปิดกว้างมากขึ้น ทำให้เราสามารถทำธุรกิจได้ดีมากขึ้น มีทางเลือกที่จะทำธุรกิจได้หลากหลาย

ผมบอกได้ว่ามันหลีกเลี่ยงไมได้หรอกครับ ธุรกิจด้านออนไลน์หลายธุรกิจที่ผมรู้จักต่างจะออกโทเคนหรือจะออกคริปโตของตัวเองแน่นอน แต่ทุกคนน่าจะไปในทิศทางที่ถูกกฎหมาย ในกรอบที่แบงก์ชาติหรือ กลต.กำหนดไว้ ในการระดมเงินจากคนทั่ว ๆ ไปเพื่อที่จะออกเหรียญขึ้นมา

ผมเคยทำนายไว้ว่าปี 65 นี้คำว่า Crypto Commerce หรือคริปโตเคอร์เรนซีที่จะอยู่ในระบบเศรษฐกิจในประเทศไทยกำลังจะเริ่มมาแล้ว เมื่อปลายปี แสนสิริก็เปิดโทเคนของตัวเองเพื่อใช้ในการระดมเงินในการลงทุนในกลุ่มของแสนสิริเอง บอกได้เลยว่าการระดมทุนผ่านทางโทเคนหรือคริปโตจะเป็นวิธีใหม่ที่ปีนี้จะกลายเป็นเรื่องปกติ

ตอนนี้หลาย ๆ คนเริ่มเข้าใจกรอบหรือกฎหมายมากขึ้น ฉะนั้นในการระดมทุน การที่จะขยายธุรกิจหรือหาเงินจะเริ่มง่ายมากขึ้น รวมถึงผู้ที่ได้ไลเซนส์ในการระดมเงินทุนจากประชาชนทั่ว ๆ ไป จากเดิมเมื่อก่อนมีทางเลือกไม่กี่ทาง เช่น ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ หรือทำคราวด์ฟันดิงต่าง ๆ ฯลฯ แต่ตอนนี้จะเป็นการออกโทเคน ออกคริปโตมาให้ประชาชนซื้อ จะเริ่มมีการทำพรีเซลคือการเปิดขายให้กลุ่มคนในวงจำกัดก่อนหรือเรียกว่าเป็นไพรเวทเซล 

เมื่อถึงจุดที่มีดีมานด์มีซัพพลายในการซื้อ ราคาโทเคนหรือเหรียญมันก็จะเติบโตขึ้น ปีนี้เจอแน่ครับ ต่อไปจะเจอโทเคนคนนั้นคนนี้ มันจะเฟ้อ จะเป็นอะไรที่ออกมาเยอะมาก ฉะนั้น เหรียญที่ออกมาก่อนจะได้เปรียบ และจะเหลืออยู่ไม่กี่เจ้า โทเคนหรือเหรียญที่ออกมาแล้วมีฟังก์ชันในการใช้งาน ผู้ให้บริการหรือคนที่ออกเหรียญมามีความน่าเชื่อถือ มีคนใช่จริง ใช้เยอะ คนเชื่อเยอะ คนซื้อเยอะ เหรียญนั้นจะอยู่ได้

ปีนี้จะมีบางคนที่จะเริ่มออกกองทุนที่เป็นคริปโต ถ้าเรามีเงินบาทอยู่แล้วอยากให้เงินบาทออกดอกออกผลก็สามารถเอาเงินที่มีอยู่ไปซื้อกองทุนได้ ซื้อเป็นการออกกองทุนโดยคนไทย วิธีการคือเขาจะเอาเงินบาทไปแปลงเป็นเงินคริปโต อย่างที่ผมเคยเล่าว่าเมื่อเรามีเงินสกุลคริปโตเราสามารถนำไปฝากไปฟาร์มไว้เพื่อให้เกิดดอกเบี้ยได้ 

เข้าใจง่าย ๆ คือเอาเงินบาทของเราไปเปลี่ยนเป็นสเตเบิลคอยน์หรือเงินคริปโตที่มีการผูกค่าไว้กับเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งดอกเบี้ยขั้นต่ำอยู่ประมาณที่ 20% ซึ่งไม่น้อยเลย และเป็นการฝากหรือการฟาร์มที่มีเสถียรภาพมีความมั่นคง จะเห็นว่ากระแสเงินสดที่เคยอยู่ในตลาดต่าง ๆ จะเริ่มมีการขยับมาสู่ตลาดเงินคริปโตมากขึ้น 

เรากำลังก้าวเข้าสู่โลกใหม่ของการเงิน ช่วงที่ผ่านมาจะเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ มีการยอมรับของกลุ่มคนใหม่ ๆ เข้ามามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ หรือภาครัฐที่กำลังจะออกสกุลเงินดิจิทัลของรัฐบาลเอง ซึ่งเราน่าจะเห็นดิจิทัลบาทของเราเอใน Q2 ด้วยเหมือนกัน 

นี่คือแนวโน้มที่เห็นว่าทุกอย่างมุ่งไปสู่การเป็นสกุลเงินในเชิงของสมาร์ทคอนแทกต์หรือมีคริปโตเคอร์เรนซีที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ธุรกิจไหนที่สามารถปรับตัวเองเข้ามายืนรอได้ก่อนจะมีความได้เปรียบเยอะเลยทีเดียวครับ