ในปีหน้าเทรนด์การตลาดจะเป็นอย่างไรบ้าง มาดูกัน ผมเองจัดหลักสูตรชื่อ DEF by SPU หรือ Digital Edge Fusion ที่จัดร่วมกับมหาวิทยาลัยศรีปทุม เป็นหลักสูตรที่รวมทุกความรู้ดิจิทัลเพื่อการทำธุรกิจยุคใหม่ สำหรับรุ่นล่าสุดคือ DEF#6 Pre-Course Online: Class 5 เป็นความรู้เกี่ยวกับ “Digital Trend 2022″ 

ใน Session พิเศษนั้นจะมีโค้ชหลายคนที่จะมาคุยกันถึงเรื่อง Marketing ที่เปลี่ยนไป ที่น่าสนใจหลายเรื่องคือ Marketing performance เเละ MarTech 2022 ตามด้วย Next move of Facebook, Data Analytics, Crypto Commerce และ Digital Health ฯลฯ

รุ่นนี้ผมมีนักเรียนประมาณ 140 คน เป็นผู้บริหาร เจ้าของธุรกิจเต็มไปหมดเยอะมาก จริง ๆ หลักสูตรจะเริ่มช่วงมกราคมแต่ผมเกรงหลายอย่างจึงจัดเป็น Pre-Course Online เป็นการสอนออนไลน์ไปก่อนทุก ๆ สัปดาห์ 

สัปดาห์ก่อน ๆ ผมสอนเกี่ยวกับ เช่น เรื่องของคริปโตก็มีการแจกบิทคอยน์ให้กับนักเรียนได้เรียนรู้จริง ๆ สอนการทำฟาร์ม แจกวอลเว็ตกันจริง ๆ เพื่อให้ทุกคนเข้าใจว่าคริปโตหรือบิทคอยน์คืออะไร เพราะผมต้องการให้การเรียนเป็นแบบการฟัง ทำ และต้องเข้าใจ 

สำหรับอาทิตย์ต่อ ๆ ไปก็จะสอนเกี่ยวกับเรื่องของสมาร์ทโฮม ผมสั่งสมาร์ทโฮมที่เป็น IoT ส่งถึงบ้านของนักเรียนทุกคน เพื่อให้ทุกคนเข้าใจว่าการใช้สมาร์ทโฮมนั้นเป็นอย่างไร ผมจะสอนการใช้โทรศัพท์มือถือกับอุปกรณ์ตัวนี้ว่าทำงานอย่างไร ใช้อย่างไรในบ้านของเขาเลย 

ตอนนี้เต็มหมดแล้ว แต่ใครสนใจก็อาจเข้าไปดูหลักสูตรนี้ได้ที่ http://defbyspu.com/ เพราะยังมีนักเรียนบางคนที่ติดเรื่องของเวลา ผมทำมา 6 รุ่นแล้ว ต้องบอกว่าทุกรุ่นสนุกมาก ในรุ่นนี้ผมได้เชิญโค้ช 10 คนระดับประเทศมาช่วยประกบนักเรียน 10 กลุ่มเลย 

ผมถามโค้ชทั้ง 10 ท่านว่าในปีหน้า ดิจิทัลเทรนด์หรือดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง จะเป็นอย่างไร นี่คือสิ่งที่ผมเก็บเอามาฝากทุกท่าน ซึ่งโค้ชหลายท่านพูดได้น่าสนใจมาก เช่น 

1. Marketing is Dead คือคุณทำการตลาดแบบเดิม ๆ ไม่ได้แล้ว ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับ Believe และลักษณะของผู้บริหารด้วย ถ้าเป็นผู้บหารรุ่นใหม่ ๆ ผมเชื่อว่าการเทงบเข้าไปในออนไลน์จะมีสัดส่วนมากกว่าสื่อแบบเดิม ๆ แต่ถ้าเป็นผู้บริหารแบบเก่าแก่หน่อยที่คุ้นเคยกับสื่อเดิม ๆ ก็อาจจะมีการใช้งบประมาณกับสื่อเดิม ๆ อยู่ แต่ก็น่าจะเริ่มมีมุมมองในการเพิ่มงบประมาณเข้ามาในออนไลน์เพิ่มมากขึ้น

อย่างที่บอกไปเมื่อครั้งที่แล้ว คุณกิ๊ฟ-แคทลียา ท้วมประถม จาก The Design Essential บอกว่า Marketing is Dead แลนด์สเคปมันเปลี่ยนไป ลูกค้าเปลี่ยนไปแล้ว ลูกค้าเก่งขึ้น คู่แข่งเก่งขึ้น ฉะนั้นหากยังทำการตลาดแบบเดิม ๆ อยู่คงไม่ได้แล้ว อันตรายแล้ว 

สุดท้าย หากธุรกิจของคุณทำให้ชีวิตลูกค้าดีขึ้นได้จริง แข่งขันได้ ต้องกลับมาดูว่าสินค้าหรือบริการทำให้ลูกค้าดีขึ้นได้หรือไม่ และสินค้าคุณทำให้ชีวิตพาร์ทเนอร์หรือทีมงานของคุณดีขึ้นไหม เป็นสิ่งที่ต้องกลับมามอง

ฉะนั้น Marketing is Dead เป็นคำหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นได้ชัดว่าคุณทำการตลาดแบบเดิม ๆ ไม่ได้แล้ว เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ หาก

2. Marketing Move ซึ่งก็คือ Facebook Commerce โดยคุณหนึ่ง-ธัญญ์นิธิ อภิชัยโชติรัตน์ ที่เป็น Facebook Alpha Tester คนแรกของประเทศไทย เป็นคนที่คอยเทสต์เครื่องมือใหม่ ๆ ของเฟซบุ๊กในประเทศไทย 

คุณหนึ่งบอกว่าในปีหน้าเครื่องมือของเฟซบุ๊กจะออกมาอีกหลายตัว แต่เฟซบุ๊กจะให้น้ำหนักกับ  Facebook Group คือจะมีการสร้างกรุ๊ปขึ้นมาและมีการสร้างซับกรุ๊ปขึ้นมาได้ เช่น ขายเสื้อผ้าผู้หญิง ในห้องอาจจะมีการขายเสื้อผ้าเด็ก เสื้อผ้าคุณแม่เข้าไปในนั้น สามารถพูดคุยกันได้ ทำกรุ๊ปแชทได้ จัดอีเว้นท์ในกรุ๊ปได้ รวมถึงการเปิดร้านค้าในกรุ๊ป 

ในเฟซบุ๊กกรุ๊ปที่ผมเจอบางกรุ๊ปมีคนถึงสองถึงสามล้านคนเลย มีจำนวนไม่น้อยเลย ข้อดีของการที่เข้าไปอยู่ในกรุ๊ปคือเราจะเจอคนที่มีความชื่นชอบหรือมี interest คล้าย ๆ กันอยู่ในห้องนั้น ในแง่นักการตลาดหรือเจ้าของสินค้าสามารถ target คนได้ง่าย เพราะคนที่มีพฤติกรรมคล้าย ๆ กันจะไปรวมอยู่ด้วยกัน 

ผมเคยเล่าไปนานแล้วว่าการที่เฟซบุ๊กกรุ๊ปเริ่มมาเปิดในลักษณะนี้มันกระทบกับพันทิปดอทคอม สังเกตได้ว่าเดี๋ยวนี้คนไทยไม่พูดถึงพันทิป กระปุก หรือสนุกดอทคอมแล้ว เพราะโซเชียลมีเดียได้แย่งพื้นที่ตรงนี้ไป 

ตอนนี้มีเฟซบุ๊กกรุ๊ปที่คุยถึงเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย มีอินฟลูเอนเซอร์ มียูทูปเบอร์ที่พูดถึงเรื่องที่คนสนใจแทน กลายเป็นว่าคนไม่อยู่ในคอมมูนิตีเหล่านั้นแล้ว  มันกระจายอยู่ในโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่คนไทยสามารถเข้าไปสร้างคอมมูนิตีของตัวเองในนั้นได้ นี่คือภัยคุกคามของธุรกิจอย่างหนึ่ง 

จะเห็นได้ว่าเราจะใช้แพลตฟอร์มแบบเดิม ๆ ไม่ได้ เพราะคนเปลี่ยนพฤติกรรม จะเห็นจุดหนึ่งว่าความสนใจของคนจะแตกเป็นชิ้นเล็ก ๆ หนึ่งคนจะมีความสนใจหลายอย่าง และความสนใจแต่ละอย่างจะมีคอมมูนิตีมารองรับความสนใจนั้นเลย และจะมีคนที่สนใจคล้ายกันไปกระจุกอยู่ที่ห้องนั้น ๆ เต็มไปหมด

นี่คือสวรรค์ของนักการตลาดหรือเจ้าของสินค้าที่จะต้องหากลุ่มนี้ให้เจอ และเข้าไปในกลุ่มนั้นมีปฏิสัมพันธ์ มีเอนเกจกับคนในกลุ่มนั้น ให้เขาชอบและซื้อสินค้าของเราให้ได้

3. ข้อมูลของโฆษณาออนไลน์จะเก่งน้อยลง ทั้งนี้มาจากการบล็อกของ Apple ทำให้ไม่สามารถเก็บข้อมูลได้แล้ว ข้อมูลจากคุณต่อ-ณัฐกรณ์ รัตนชัยสิทธิ์ จาก Predictive เพราะ iOS หรือ Apple ตั้งแต่เวอร์ชัน 14 ถึง 15 ขึ้นไปจะมีการไม่อนุญาตให้แอปต่าง ๆ ติดตามได้  เพราะคนเกือบ 70 กว่าเปอร์เซ็นต์ปฏิเสธไม่ให้แอปเหล่านี้ติดตาม ทำให้โฆษณาออนไลน์จะเก่งน้อยลง 

เอเจนซีต่าง ๆ เริ่มมีการปรับตัวแล้ว เพราะรู้ว่าโฆษณาในเฟซบุ๊กหรือกูเกิลเริ่มไม่เวิร์คแล้ว ฉะนั้นทุกคนจะเริ่มมาพูดถึงคำว่า First Party Data ซึ่งก็คือข้อมูลที่ลูกค้าให้เรามาตรง ๆ เช่น ลูกค้ามาซื้อสินค้าเราแล้วให้ชื่อ เบอร์โทร อีเมล ฯลฯ แต่ขณะเดียวกันความท้าทายก็คือ มีกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคลเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็ต้องระวังเรื่องพวกนี้ด้วย 

สิ่งที่ต้องปรับในแง่ของนักการตลาดก็คือ หนึ่งต้องเริ่มมีการเก็บข้อมูลลูกค้าคือ First Party Data อย่างเป็นระบบ สอง ต้องมีการบริหารจัดการให้มีความปลอดภัยที่สุด และเมื่อกฎหมายนี้ประกาศออกมาหากข้อมูลนี้หลุดออกไปอาจโดนฟ้องร้องได้

4. Performance Marketing  คุณอ้น CMO ของ ProPlugin และยังเป็น LINE Certified Coach มาพูดถึง Performance Marketing การตลาดเมื่อก่อนเราจะพูดถึงการสร้าง branding การทำการตลาดให้คนรู้จัก ได้เห็นสินค้า โลโก้ ฯลฯ และพยายามให้คนไปยังจุดที่ขายสินค้านั้น ๆ  เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือร้านค้าใกล้บ้าน สินค้าจะผ่านเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทาน 

แต่ยุคนี้ไม่ใช่แล้วสังเกตว่ามีอยู่ไม่กี่แบบ สินค้าบางตัวจะออกมาเป็นเอกซ์คลูซีฟเลยคือซื้อได้ที่เฉพาะเจาะจงเท่านั้น เช่น ซื้อได้ที่เซเว่นอีเลฟเว่น เป็นการลงจุดเดียวแต่กระจายไปทั่วประเทศได้เลย แต่มีีกอย่าคือ สินค้านี้หาได้ที่ลาซาด้าหรือช้อปปี้เท่านั้น 

เราเริ่มเข้าสู่ยุคที่ผู้ผลิตไม่พึ่งช่องทางการขายสินค้าแบบเดิม ๆ อีกต่อไปแล้ว เริ่มมีช่องทางใหม่ ๆ เข้ามา ตรงนี้แหละครับ เรากำลังเริ่มเข้าสู่การทำ Performance Marketing ก็คือ การตลาดที่เน้นผลลัพธ์ หนึ่ง ทำการตลาดแล้วยอดขายเพิ่มขึ้นทันที ยิงโฆษณาไปมียอดขายทันที สอง มีซื้อลูกค้า มีลีดกลับเข้ามา สาม อาจจะมีคนเข้ามาในเว็บมากขึ้น มีคนดาวน์โหลดแอปมากขึ้น มีผลลพท์อะไรที่เห็นได้ชัด จับต้องได้

นักการตลาดในยุคออนไลน์จะสามารถควบคุมทุกอย่างได้หมดเลย ไม่ว่าจะเป็นคนดู คนกดเข้ามา คนซื้อคนเห็น ฯลฯ ทุกอย่างวัดผลได้หมด เก็บได้หมด คนจะพูดถึงเรื่องนี้กันมากขึ้นในปี 65 ครับ

5. Crypto Commerce เรากำลังก้าวเข้าสู่การขายของด้วยการใช้คริปโตจ่ายเงิน เมื่อก่อนอาจจะเป็นกิมมิคแต่วันนี้เป็นของจริงแล้ว เพราะวันนี้คริปโตมีหลายรูปแบบ และวีซ่าประกาศจับมือคริปโตทั่วโลกรอบรับการจ่ายผ่านวีซ่าได้แล้ว 

หันมาถามตัวเองว่าวันนี้คุณรู้จักคริปโตหรือยัง เคยใช้ไหม ต้องลองลงทุนดูครับแล้วจะเข้าใจ