ที่ผ่านมาจะเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดบ้านเราขยับขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ทำให้เห็นว่าเราต้องระมัดระวังดูแลตัวเองมากกว่ายุคก่อน ๆ เมื่อสิบปีก่อนเราอาจจะไม่รู้เรื่องของสุขภาพตัวเองมากนัก แต่ยุคนี้เราใช้วิธีสังเกตสุขภาพตัวเองได้ว่า ตัวร้อน หน้าซีด ท้องโต ฯลฯ แต่บางครั้งเมื่อเกิดอะไรไปแล้วค่อยมารู้ทีหลังซึ่งมันอาจสายเกินไปหรือป่วยไปแล้ว 

ผมอยากให้ลองมาสังเกตตัวเองดี ๆ ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ในการสังเกตเราอาจไม่ได้ใช้สายตาหรือประสบการณ์อีกแล้วป เราสามารถนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ได้เลย อย่างเช่น ส่วนใหญ่เมื่อเราป่วยอาจมาจากสาเหตุที่เรามีน้ำหนักมากเกินไป ฉะนั้น หากเราสามารถติดตามสังเกตได้ว่าในแต่ละวันเรากินอะไรเข้าไปบ้าง กินอะไรไปมากหรือน้อย หรือแพ้อะไร ก็จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยลง

#MyFitnessPal  ผมใช้แอปนี้ เราสามารถใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยดูได้ว่าสิ่งที่เรากินเข้าไปนั้นมีส่วนผสมใดบ้าง มีสิ่งใดที่เราแพ้บ้างหรือไม่ แอปนี้จะมีฐานข้อมูลอาหารทั้งโลก รวมถึงอาหารหรือขนมต่าง ๆ ที่มีบาร์โค้ดให้สแกนได้ 

แอปนี้สามารถช่วยควบคุมอาหารให้เรา อย่างแรกเราต้องกำหนดวัตถุประสงค์ก่อนว่าต้องการเพิ่มหรือลดหรือรักษาน้ำหนัก จากนั้นใส่ข้อมูลน้ำหนัก ส่วนสูง อายุของเรา ระบบจะคำนวณให้เลยว่าเราจะต้องกินอาหารวันละกี่แคลเลอรี่ตามจุดประสงค์ของเรา 

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าวันหนึ่งเรากินไปกี่แคลเลอรี ในแอปนี้จะแบ่งหมวดเป็นมื้อเช้า กลางวัน และเย็น และจะมีปุ่มให้เรา add อาหารเข้าไปได้ เรากินสิ่งใดเข้าไปก็กรอกข้อมูลหรือสามารถสแกนคิวอาร์โค้ดที่อยู่ข้างกล่องผลิตภัณฑ์นั้นได้เลย แอปจะบอกเลยว่าคุณควรกินอาหารนั้นเท่าใด และบอกเลยว่าที่เรากินไปนั้นเราได้รับสารอาหารเท่าใด 

เช่น เมื่อกรอกข้อมูลว่าเราดื่มนมไปปริมาตรเท่าใด แอปก็จะบอกเราว่าด้วยปริมาตรนั้นเราได้รับแคลเซียมกี่กรัม มีน้ำตาลกี่กรัม มีโปรตีน หรือไขมันเท่าไหร่ ได้รับกี่แคลเลอรี ฯลฯ หรือบอกได้ว่ามื้อเช้าเรากินไปกี่แคลเลอรี ในวันนี้เรายังต้องการอีกเท่าไหร่ จะบอกได้หมดเพราะแอปนี้ได้มีการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลของผลิตภัณฑ์หรืออาหารนั้น ๆ แล้ว 

ข้อดีคือมันสามารถสแกนอาหารส่วนใหญ่และบอกได้ว่าอาหารเหล่านั้นมีโภชนาการอย่างไรบ้าง มันจะบอกได้ว่าในหนึ่งวันนี้เรากินเกินหรือกินขาดเท่าใด 

#Smart Watch เช่นเดียวกันเมื่อเรารู้ว่ากินเข้าไปเท่าใด แล้ว เราทราบหรือไม่ว่าเราเอาออกมาเท่าได เราเผาผลาญมากน้อยแค่ไหน ฉะนั้นการใช้พวก Smart Watch อย่างพวก Garmin, Apple Watch, Xiaomi Band ฯลฯ พวกนี้สามารถเก็บข้อมูลในการเผาผลาญอาหารเราได้เพราะอยู่ที่ข้อมูลเราตลอดเวลา

นาฬิกาพวกนี้สามารถเชื่อมต่อไปที่แอป MyFitnessPal ได้อีกด้วย เมื่อนาฬิการู้ว่าในวันหนึ่งเราเผาผลาญไปกี่แคลเลอรี นอนไปกี่ชั่วโมง ฯลฯ เมื่อเชื่อมต่อข้อมูลกันแล้ว มันจะประมวลผลให้เรารู้ว่าเราขาดหรือเกินอะไรไปบ้าง นี่คือเทคโนโลยีที่สามารถเข้ามาช่วยดูแลสุขภาพเราได้

#เครื่องชั่งดิจิทัลน้ำหนักของ Xiaomi  นอกจากนั้นในเรื่องของน้ำหนัก หากอยากรู้ว่าตอนนี้น้ำหนักของเราเป็นอย่างไร ผมแนะนำให้ซื้อเครื่องชั่งดิจิทัลน้ำหนักของ Xiaomi ที่ตอนนี้ถูกมาก ซึ่งเครื่องชั่งนี้สามารถเชื่อมต่อกับไวไฟได้ เพียงแต่สมัครสมาชิกกับ Xiaomi แล้วทุกครั้งเมื่อเราชั่งน้ำหนักมันจะบอกมวลร่างกายหรือ BMI ของเราได้เลย และจะเก็บข้อมูลของเราขึ้นไว้บนคลาวด์ให้เลย สามารถดูข้อมูลย้อนหลังได้ รวมถึงสามารถเก็บข้อมูลของสมาชิกในครอบครัวของเราได้อีกด้วย

เมื่อเรารู้หมดว่าวันหนึ่งเรากินอะไรไปเท่าใด น้ำหนักเป็นอย่างไร เราเผาผลาญไปเท่าไหร่ เราจะเริ่มสามารถควบคุมสุขภาพเราได้ดีขึ้น แต่สิ่งที่ผมอยากจะฝากทุกคนก็คือ นอกจากตัวของคุญเองแล้ว ญาติผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุในบ้าน การนำเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามาใช้มาช่วยแทร็กจะช่วยคุณในการดูแลสุขภาพของท่านเหล่านั้นได้เยอะมาก 

บางคนไม่ได้อยู่ใกล้ชิดคุณพ่อคุณแม่ เราไม่สามารถทราบได้เลยว่าวันหนึ่งๆ ท่านกินอะไรไปบ้าง ทำอะไรไปบ้าง ฉะนั้นหากเราลงแอปพลิเคชั่นเหล่านี้เอาไว้ หรือมีคนคอยดูแลก็ให้ช่วยลงข้อมูลในแอปไปเลยว่ากินอะไรไปบ้าง มากเท่าไหร่ เราสามารถดูทางไกลได้เลยว่าคุณพ่อคุณแม่กินอะไรไป มากน้อยกี่แคลเลอรี มีไขมันมากเกินไปหรือเปล่า ฯลฯ 

เราสามารถดูได้เลยว่าตอนนี้ของท่านขึ้นลงเท่าไหร่ หรือให้ใส่พวก Smart Watch ต่าง ๆ เราจะรู้ได้ว่าแต่ละวันท่านนอนมากน้อยแค่ไหน การเต้นของหัวใจเป็นอย่างไร หรือแม้กระทั่งการล้มพวก Apple Watch หรือ Smart Watch รุ่นใหม่ ๆ สามารถเตือนการล้มหรือปริมาณออกซิเจนได้ เราสามารถรู้ทั้งหมดได้จากทางไกล 

ในแง่การดูแลสุขภาพในวันนี้ ไม่ใช่การที่ต้องเจ็บป่วยก่อนถึงจะไปหาหมอ เราสามารถมอนิเตอร์หรือตรวจสอบร่างการเราได้เลยจากการสังเกต

1. อาหารที่เรากินเข้าไปโดยใช้แอปพลิเคชันดูได้

2. การนอนเราเป็นอย่างไร สุขภาพร่างกายเราเป็นอย่างไร เราเผาผลาญอาหารดีหรือไม่ เราออกกำลังกายน้อยไปไหม ตรวจสอบได้ด้วยการใส่ Smart Watch

3. น้ำหนักเราเป็นอย่างไรบ้างโดยอาศัยเครื่องชั่งน้ำหนักดิจิทัลที่เป็นอินเทอร์เน็ต 

ทั้งสามอย่างที่ว่ามานี้จะเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับหลายคนที่สนใจในเรื่องของสุขภาพแต่อาจยังใช้วิธีเดิม ๆ อยู่ ทั้ง 3 อย่างนี้ราคารวมกันแล้วแค่พันกว่าบาทเท่านั้น อยากแนะนำให้คุณลองใช้ดูครับ วิธีการใช้ก็สามารถดูจากยูทูปได้เลยเป็นภาษาไทยด้วย